ชวนดู The Witch’s Diner (2021) ร้านอาหารแม่มด ที่ตอบรับทุกคำขอ 

รีวิว The Witch’s Diner ร้านอาหารแม่มด ที่จะทำให้ทุกความปรารถนาของคุณเป็นจริง มินิซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีจาก TVING ที่ออกอากาศเพียงแค่ 8 ตอนเท่านั้น

The Witch’s Diner ร้านอาหารแม่มด ที่จะทำให้ทุกความปรารถนาของคุณเป็นจริง มินิซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีจาก TVING ที่แม้จะมีออกอากาศเพียงแค่ 8 ตอนเท่านั้น แต่ขอบอกเลยว่าคุณภาพจัดเต็มมากๆ

“ตอบรับทุกคำขอ แต่ทุกความปรารถนาย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย”  

เรื่องแรกที่อดพูดไม่ได้คือโปรดักชั่น ฉากและองค์ประกอบที่ถูกรังสรรค์ และเนรมิตออกมาเป็นร้านอาหารสไตล์แม่มดสุดคลาสสิค ดูลึกลับ เต็มไปด้วยมนต์ขลัง มาพร้อมกับต้นแมนเดรกพูดได้ งาน CG ที่สุดแสนจะปัง ดูแล้วสมจริงไม่ปลอม เพลงประกอบเพราะ สื่อความหมายได้ดี สะท้อนความจริงในบางแง่มุมของชีวิตมนุษย์ ทำให้คนฟังต้องเอากลับไปขบคิดต่อ บางเพลงให้ความแฟนตาซี ฟังแล้วเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของแม่มดเลยทีเดียว

The Witch’s Diner

ทีมนักแสดงนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะอัดแน่นไปด้วยเหล่านักแสดงมากฝีมือ นำทีมโดย

ซงจีฮโย นักแสดงซีรีส์ The Witch’s Diner
ซงจีฮโย นักแสดงซีรีส์ The Witch’s Diner

ซงจีฮโย รับบท โจฮีรา หรือแม่มดฮีรา เจ้าของร้านอาหารแม่มดฝีปากร้ายกาจ เพราะมีภูมิหลังอันแสนเจ็บปวด จากการถูกคนรักทรยศหักหลัง เธอจึงเลือกเดินบนเส้นทางของการแก้แค้น แต่ก็ต้องแลกมากับการเป็นแม่มดที่มีชีวิตเป็นอมตะ แสนเย็นชา และไร้หัวจิตหัวใจ

นัมจีฮยอน รับบทเป็น จองจิน
นัมจีฮยอน รับบทเป็น จองจิน

นัมจีฮยอน รับบท จองจิน สาวอาภัพรัก สวรรค์ไม่เคยเข้าข้าง ชีวิตเดินไปทางไหนก็มีแต่ปัญหา แต่โชคชะตาเหมือนเล่นตลก นำพาให้มาข้องเกี่ยวกับแม่มดฮีราด้วยเหตุผลบางอย่าง

แชจงฮยอบ รับบทเป็น กิลยง
แชจงฮยอบ รับบทเป็น กิลยง

แชจงฮยอบ รับบท อีกิลยง เด็กหนุ่มมอปลายที่ต้องเผชิญกับสังคมในโรงเรียนที่ย่ำแย่ ทำให้ขาดโอกาสในการใช้ชีวิตดีๆของตัวเองไป  แถมจับพลัดจับผลูได้มาเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ ในร้านอาหารแม่มดแบบงงๆซะงั้น

ต้องยอมรับว่าซีรีส์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องค่อนข้างดี เพราะมีความกระชับเข้าใจง่าย โดยธีมหลักของการดำเนินเรื่อง จะเล่าผ่านปัญหาชีวิตของตัวละครหลักทั้ง 3 ตัว ที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวพันกัน ทั้งยังมีปมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ในแต่ละตอน ผ่านความปรารถนาของลูกค้าแต่ละคน เนื่องจากเป็นร้านอาหารแม่มด ที่ตอบรับทุกคำขอ จึงมักจะมีลูกค้ามากหน้าหลายตา แวะเวียนเข้ามาเอ่ยร้องขอความปรารถนาที่แตกต่างกันออกไป บางคำขอแสนจะเรียบง่าย และดูธรรมดา แต่ทำเอาคนดูอย่างเราจุกจนพูดไม่ออก บางคำขอก็ทำให้เราแอบยิ้มทั้งน้ำตาไปด้วย ซีรีส์แต่ละตอนให้หลากอารมณ์ความรู้สึกมาก 

“ผมไม่ต้องการเงินทอง ผมขอแค่มีงานทำ” 

“ฉันไม่ต้องการหายจากโรคร้าย ฉันขอแค่ให้ลูกชายที่ยังมีชีวิตอยู่ มีความสุข ไม่เสียใจเพราะการจากไปของฉันก็พอ”

the witch's diner netflix

หลายความปรารถนาที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกมา บางครั้งบางคราวก็คอยปลอบประโลมจิตใจคนดูอย่างเรา จากโลกภายนอกที่โหดร้าย ผ่านความอบอุ่น ความประทับใจ ความเสียสละ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นกระจกสะท้อน ที่ทำให้เห็นโลกชัดเจนขึ้น ไม่มีอะไรโรยด้วยกลีบกุหลาบ ความผิดพลาด การคาดหวัง การดิ้นรนเพื่อเสาะหาปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิต ความยากลำบากที่บางคนต้องแบกรับ เราแทบไม่เคยได้สัมผัสถึงมันเลยแม้แต่น้อย มาถึงตรงนี้ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ความปรารถนาของตัวเราเองคืออะไร วันนึงถ้าได้เดินเข้าไปในร้านอาหารแม่มด เราจะขออะไรกันแน่ เพราะแก่นแท้ภายในจิตใจของมนุษย์ทุกคน ล้วนแล้วแต่มีความปรารถนา มีความอยากได้อยากมีที่ไม่สิ้นสุด

นอกจากนี้ตัวเนื้อเรื่องยังมีการสอดแทรกคติ หรือข้อคิดเตือนใจอยู่บ่อยๆ โดยสะท้อนชีวิตความเป็นจริง และเสียดสีสังคมในปัจจุบันให้เราเห็น เช่น ตัวละครหลักอย่างจิน หญิงสาวที่มีปัญหาชีวิตรุมเร้า แม้ภายนอกจะดูร่าเริงสดใส แต่ใครจะรู้ว่าเธอคือผู้ที่ต้องเผชิญกับความล้มเหลวซ้ำไปซ้ำมา ต้องรับมือกับความเหลื่อมล้ำทางสังคม การโดนเอารัดเอาเปรียบในที่ทำงาน เผลอทำอะไรพลาดไปก็โดนไล่ออก ซึ่งนอกจากจะล้มเหลวในหน้าที่การงานแล้ว จินยังล้มเหลวในชีวิตรักอีก เพราะแฟนที่คบกันมานานอยู่ๆ ก็ดันมาบอกเลิก พอจะเริ่มต้นกับคนใหม่ ก็โดนเขาหลอก ทำอะไรก็มีแต่อุปสรรคเต็มไปหมด

อีกคนคือ กิลยง หนุ่มน้อยมอปลายสุดหล่อที่แสนจะอ่อนโยน แถมยังมีดีกรีเป็นนักวิ่งอนาคตไกล แต่ดันโชคร้าย กลายมาเป็นเหยื่อของปัญหาการถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน ซึ่งสะท้อนให้เห็นสภาพจริงของสังคมในโรงเรียนที่ว่า บางทีโรงเรียนอาจไม่ใช่โรงเรียนเสมอไป การไปเรียนเหมือนการไปตกนรก การโดนกดขี่และบีบบังคับจากเพื่อนนักเรียนด้วยกันเอง เพราะความหวังดีจึงเลือกยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเพื่อน แต่มันกลับกลายเป็นจุดที่ทำให้กิลยงสูญเสียอนาคตในการเป็นนักวิ่ง ที่เขาเคยวาดฝันเอาไว้ เพราะรอบตัวเจอแต่สังคมที่เป็นมลพิษ เขาจึงต้องกลายมาเป็นผู้ใหญ่ในแบบที่ตัวเองไม่อยากเป็น

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องภาษา ภาษาที่ใช้ในเรื่องแม้จะไม่ได้สละสลวย แต่มีความครีเอทอยู่ในตัว เราขอใช้คำว่า เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับแม่มด โดยเฉพาะชื่ออาหารแต่ละเมนู ที่คุณแม่มดสร้างสรรค์ออกมา เพื่อให้เหมาะกับความปรารถนาของลูกค้าแต่ละคน อ่านแล้วรู้เลยว่าเป็นเมนูที่ไม่ธรรมดา เหมือนมีเวทมนตร์ซ่อนอยู่ในอาหาร ให้ฟีลอาหารจากฝีมือแม่มดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ซุปมะเขือเทศปลอบใจ, สเต๊กสีเลือดแห่งการชำระแค้น, กาแฟปลุกความรู้สึกผิดของมนุษย์ น่าอร่อยทั้งนั้น เห็นแล้วหิวตาม แนะนำว่าอย่าดูตอนกลางคืนดีที่สุด เดี๋ยวจะหิวดึกโดยไม่รู้ตัว

ยังไม่พอ เรื่องนี้ยังมีกลิ่นอายของความเป็นจิตวิทยาอยู่หน่อยๆ การเล่นกับจิตใจของคน โดยดึงเอาวัตถุสิ่งของที่จับต้องได้ มาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เป็นนามธรรม การเปรียบอาหารเป็นเสมือนตัวแทนของความปรารถนาของคน เราลิ้มรสความปรารถนานั้นผ่านอาหาร ยิ่งเราปรารถนาบางสิ่งบางอย่างมากแค่ไหน อาหารบนโต๊ะที่กินเข้าไป ก็ยิ่งอร่อยมากขึ้นเท่านั้น

the witches diner
the witchs diner

ดู The Witch’s Diner แล้วได้อะไร

“ไม่มีอะไรเป็นดั่งใจเราต้องการเสมอไป”

ซีรีส์เรื่องนี้ยังคงทำหน้าที่เป็นไกด์นำทางที่ดี ที่พาไปสัมผัสมุมมองจากปมปัญหาชีวิตของตัวละครแต่ละตัว ทำให้คนดูอย่างเราๆตกผลึกทางความคิดได้อย่างหนึ่งว่า หลายครั้งที่ปัญหาต่างๆถาโถมเข้ามาในชีวิต เราทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องเผชิญหน้าและสู้ต่อ ชีวิตคนเราล้วนมีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา

“เพราะบนโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ” 

ของฟรีไม่มีในโลก เพื่อให้ได้มา ก็ต้องยอมเสียบางอย่างไป แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารที่ขออะไรก็ได้ แต่ทุกความปรารถนามีราคาที่ต้องจ่าย ไม่ต้องจ่ายด้วยเงิน แต่จ่ายด้วยจิตวิญญาณ และของสำคัญในชีวิตแล้วแต่แม่มดจะร้องขอ เช่นอะไรบ้างน่ะหรอ ก็เช่น ดวงตาที่งดงาม ความทรงจำอันล้ำค่า เสียงอันไพเราะ หรือนิ้วมืออันเรียวยาวสักสองสามนิ้วก็พอ ซึ่งมาคิดๆ ดูก็เป็นค่าตอบแทนที่แสนจะแพง เสียไปแล้วไม่อาจหวนคืนได้อีก

“คนเรามักตัดสินใจโดยมองผลที่ตามมาเพียงด้านดีด้านเดียว เพราะมันทำให้การตัดสินใจของเราง่ายขึ้น แต่สุดท้ายมันมักจะพลาด” 

บ่อยครั้งเหล่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการร้านอาหารแม่มดแห่งนี้ ต้องพบจุดจบกับความเสียใจ เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง ฉะนั้นก่อนร้องขอสิ่งใดต้องคิดทบทวนให้ดี เพราะทุกการตัดสินใจที่ได้ทำลงไปจะมีผลตามมา และเราต้องยอมรับผลที่ตามมานั้นให้ได้ 

#티빙오리지널 #마녀식당으로오세요 #thewitchsdiner
[마녀식당으로 오세요] 송지효, 마녀가 되다🧹 | 티저 예고편

“เรามักมองข้ามสิ่งที่มี และมักมองหาสิ่งที่ขาด”

อะไรที่เรามีอยู่แล้ว เรามักเลือกที่จะไม่ให้คุณค่ากับมัน แต่กลับพยายามไปไขว่คว้า และให้ราคากับสิ่งที่เราไม่มี เฉกเช่นเดียวกับบางคนที่ยอมขายแม้กระทั่งเสียงของตัวเองให้กับแม่มด เพียงเพื่อแลกกับการทำให้คนรักกลับมาหา แต่อย่าลืมว่าบนโลกนี้ยังมีคนอีกมากมาย ที่ปรารถนาจะมีพรสวรรค์ทางด้านเสียงเหมือนกับคุณ แต่พวกเขาไม่มี และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแม่มดต้องการเสียงเป็นค่าตอบแทน เพราะค่าตอบแทนที่แม่มดร้องขอ อาจเป็นพื้นฐานความปรารถนาของผู้อื่น พูดอีกอย่างคือ แม่มดจะเอาค่าตอบแทนที่คุณจ่าย ไปตอบสนองความปรารถนาของคนอื่นๆต่อไป

สรุปง่ายๆ คือ เป็นซีรีส์อีกเรื่องนึงที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนไปดู ตอนน้อย ไม่ต้องใช้เวลาในการดูมาก ฉากเอยเอฟเฟกต์เอยคือดี เนื้อเรื่องก็แน่น ดำเนินเรื่องไม่ยืดเยื้อ แฝงข้อคิดหลายแง่มุม บอกไว้เลยว่าปมปัญหาเบื้องลึกเบื้องหลังอีกมากมายภายในเรื่อง จะเป็นตัวจุดประกายทัศนคติในการใช้ชีวิตให้กับทุกคนได้แน่นอน แล้วคุณจะมองโลกนี้เปลี่ยนไป…

  • รับชมได้ทาง WeTV
  • ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก Tving.official
เกี่ยวกับกองบรรณาธิการ
เกี่ยวกับกองบรรณาธิการ

บทความนี้สร้างสรรค์โดยนักศึกษาฝึกงานมหาวิทยาลัยนเรศวร คณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ ประจำปี 2564-65
ผู้เขียน: นางสาวปรียาภรณ์ ปัญญาธรรม
บรรณาธิการ: นางสาววรางกุล วิลาวัณย์ 
ผู้ช่วยบรรณาธิการ: นางสาวเจนจิรา ภู่โต 
พิสูจน์อักษร:
นางสาวณัชฐิญา ชัยนุภาพ 
นางสาวพิชญา วัฒนไพบูลย์ 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *