ว่าด้วยชีวิตของตัวละคร และเขาผู้เขียน

นิวัต พุทธประสาท นักเขียนและเจ้าสำนักเม่นฯ เคยให้สัมภาษณ์ในคอลัมน์ a pen interview ในนิตยสาร a day ทางเวบไซต์จึงขอนำมาลงอีกครั้ง

 

คุณจำได้มั้ยว่าพบเขาครั้งแรกในช่วงไหนของ 20 ปีในวงการวรรณกรรมของเขา แล้วพบกันได้อย่างไร

พูดตามจริงคุณอาจจดจำเขาไม่ได้เลย ผมพบเขาสองสามครั้งบนรถเมล์เที่ยวเช้าไปรามคำแหง ช่วงบ่ายขลุกตัวอ่านหนังสือในห้องสมุด ตอนเย็นเดินบนถนน แวะร้านหนังสือย่านนั้น อาจะเป็นเพราะเราชอบหนังสือเหมือนกัน การพบกันแม้จะไม่บังเอิญ แต่คุณก็รู้ว่าสักวันเราต้องเจอกัน และจากกันในเวลาต่อมา

ทำไมเรื่องแต่ง (Fiction) ส่วนใหญ่ รวมถึงนวนิยายเรื่องล่าสุดอย่าง กายวิภาคของความเศร้า ตัวละครถึงมีมวลอารมณ์เหงาเศร้าและเลือกเล่าเรื่องราวความเว้าแหว่งของชีวิต ในสายตาของเขาคิดว่าตัวละครในเรื่องราวเหล่านั้นคิดอย่างไรบ้าง

พวกเขาชอบการสังเกตผู้คนมากมายบนถนน จึงทำให้เขาอยู่คนเดียวได้นานๆ เขารักการอยู่อย่างโดดเดี่ยว ดูหนังคนเดียว กินข้าวตามลำพัง เดินทางคนเดียว เขาพบว่าสิ่งทั้งหลายในชีวิตกรอปเป็นตัวละครของเขาอย่างเชื่องช้า และเขาค้นพบว่าคุณก็เป็นแบบนั้น ผู้คนเว้าแหว่ง เช่นเดียวกับทุกคน

แอบถามหน่อย ชีวิตจริงของเพื่อนคุณไปเจอเรื่องเศร้าอะไรมาถึงเขียนได้อย่างนั้น

เขาเป็นคนพูดน้อย ชอบเก็บความรู้สึก ซึ่งมันมักจะระเบิดมาทางตัวหนังสือ ความเศร้าทำให้เขาตามหาผู้คนที่เหมือนคุณ

ทำไมในนวนิยายเรื่องล่าสุดตัวละครจึงไม่มีชื่อ แต่ใช้สรรพนามในการเล่าเรื่องทั้งหมด เขาคิดชื่อตัวละครที่ดีพอไม่ออกหรืออย่างไร

ชื่อทำให้จินตนาการของคุณหดเล็กลงเป็นเพียงตัวละครธรรมดาตัวหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ต้องการแบบนั้น เขาต้องการให้ผู้อ่านมีส่วนร่วม การบรรยายภาพตัวละครจึงค่อนข้างพร่ามัวคลุมเครือ เพื่อดึงจินตนาการร่วมของคุณให้ออกมาซึ่งเขาคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเชื่อมผู้อ่านเข้าสู่เนื้อเรื่องเล่า ที่คาบเกี่ยวระหว่างจริงหรือแต่ง

เห็นเขาบอกว่าตอนแรกของนวนิยายเรื่องนี้เขียนเมื่อปี 2541 ส่วนตอนสุดท้ายเขียนเสร็จเมื่อปี 2559 คุณรู้มั้ยว่าอะไรทำให้นวนิยายเรื่องหนึ่งใช้เวลานานขนาดนั้น

ตอนแรกเขาไม่ตั้งใจให้มันกลายเป็นเรื่องยาว หรือนิยาย แต่เรื่องสั้นที่มีตัวละครต่อเนื่องทำให้เขาว้าวุ่นอยู่นานหลายปี ในที่สุดเขาก็เขียนตอนจบของเรื่องราวทั้งหมด เพื่อปิดฉากสิ่งที่ติดค้างอยู่ภายใน มันคล้ายกับการชำระล้าง การชำระล้างหมายถึง ตอนที่เขาเขียนมัน เขารู้ว่าตัวละครเหล่านั้นทุกข์ระทม บางทีสิ่งที่ติดค้างอยู่ในโลกของงานเขียน มันทำให้พวกเขาอาจจะลุกขึ้นเพื่อต่อต้านสังคม และทำลายกรอบบางอย่าง รวมถึงค้นหาวิธีเล่าด้วยน้ำเสียงใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย

ในฐานะที่คุณอยู่กับเขาเกือบตลอดเวลา ช่วยบอกหน่อยว่าความเศร้าของเพื่อนคุณในวันนี้วัยนี้คืออะไร

ความพังพินาศทางจิตวิญญาณ ชีวิตของผู้คนที่ผุกร่อน เขาเศร้าเสมอที่เห็นผู้คนบอบช้ำทางจิตใจ คนป่วยที่ไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไรให้ชีวิต ขณะเดียวกันจิตวิญญาณยังถูกพัดพาไปไกลจากจุดเริ่มต้น จนบางครั้งอาจจะเรียกว่าหลงทาง เขาไม่อยากเห็นผู้คนเป็นแบบนั้น

เพื่อนของคุณอยู่ในวงการวรรณกรรมมาแล้ว 20 ปี ซึ่งนานพอจะทำให้คนคนหนึ่งหมดไฟ อะไรทำให้เขายังอยู่วงการนี้ไม่เคลื่อนย้ายชีวิตไปไหน

การที่เขายังคบหากับคนหนุ่มสาว พวกรุ่นใหม่ไฟแรง ไม่ว่าจะเป้นนักเขียน นักกิจกรรม รวมถึงผู้คนใหม่ๆ คนเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกได้ว่ายังมีชีวิตอยู่ และเขาก็เช่นกัน

เห็นว่านิยายเล่มล่าสุดของเขาพิมพ์เพียง 1,000 เล่ม เพื่อนของคุณเคยคิดในแง่รายได้บ้างไหม ว่ามันคุ้มหรือเปล่ากับสิ่งที่ลงแรงไป

เขารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ต่อสู้อยู่กับอะไร เขาเคยประสบความสำเร็จอยู่บ้าง ล้มเหลวไม่เข้าท่าก็เยอะ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ากำลังทำอะไร เขาคิดว่าสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดนั้นคือตั้งเป้าหมายที่สามารถไปถึงได้ ดังนั้นเวลานี้เขาคิดว่าเขาทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เขาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมายสำหรับการอ่าน

เพื่อนของคุณมักพกกล้องถ่ายรูปติดตัวเสมอ และที่เห็นส่วนใหญ่มักเป็นกล้องฟิล์ม อะไรทำให้เขาหลงใหลในกล้องฟิล์ม เพราะดูยังไงเพื่อนคุณก็ไม่ใช่ฮิปสเตอร์

เขาถ่ายภาพมานานพอๆ กับเขียนหนังสือ อาจจะถ่ายภาพก่อนเขียนด้วยซ้ำ เขาใช้กล้องฟิล์มมาตลอด เขามีกล้องหลายตัว ซื้อต่างยุคต่างสมัย พังคามือระหว่างเดินทางก็มาก โลกยุคใหม่มีกล้องดีๆ จากมือถือก็จริง แต่เขาใช้กล้องในมือถือได้ห่วยมาก เขากลัวว่าจะพลาดบางช่วงของวินาที เขาจึงมีกล้องติดตัวเสมอ

เพื่อนคุณยังทำสำนักพิมพ์เม่นวรรณกรรมด้วย เขาพอมองออกมั้ยว่าสื่อกระดาษในอีก 20 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไง เขารู้สึกยังไงเวลาได้ยินข่าวสื่อกระดาษล้มหายตายจากหรืออยู่ได้แต่ก็สั่นคลอน

เขาพูดเสมอว่าหนังสือเป็นนวตกรรมที่ดีมากๆ ระบบการพิมพ์บนกระดาษถูกคิดค้นขึ้นมาเป็นร้อยๆ ปี ปัจจุบันมันยังยืนเด่นอยู่แถวหน้าในด้านการสื่อสารทางอักษร อนาคตหนังสือยังอยู่กับเรา และเราอาจจะตายก่อนที่จะได้เห็นว่าหลังจากนี้ควรเป็นอย่างไร หรือบางทีเฟสบุ๊คอาจจะตายก่อนหนังสือก็ได้

จากวันแรกที่เข้าสู่วงการวรรณกรรมจนถึงก็วันนี้ เพื่อนของคุณมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างทั้งภายนอกและภายใน

คุณก็รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนแม้เขายังดูเหมือนเดิม แต่ทางกายภาพและจิตใจเขาเปลี่ยนแปลงทีละน้อยเหมือนทุกคน ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ เราโตขึ้น หยาบกร้านขึ้น ยิ่งอายุมากขึ้นสันโดษมากขึ้น แคร์เรื่องชีวิตน้อยลงไปเรื่อยๆ คุณอย่าคาดหวังเขามากนัก เพราะเขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *