แนะนำ: ลูก (ไม่) รักของ ‘พระเจ้า’ เป็นเรื่องสั้นที่ “ที่ไม่อยากจำ” “ที่มิอาจลืม” “ที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
วัฏจักรความป่วยของความสัมพันธ์ ในนาม “ครอบครัว” ความเศร้าซึมผุพังที่ส่งต่อกันไปจากรุ่นสู่รุ่น เรื่องสั้นของ อินดา ปาปิชา ทำให้มองเห็นภาพปัจเจกที่ต้องต่อสู้กับภาวะป่วยไข้ภายในเพียงลำพังโดยไม่อาจทานทน เรื่องสั้นหม่นเศร้าขณะเดียวกันทำให้ผู้อ่านระลึกถึงความตายที่ไม่อาจหลีกหนี
1. ที่ไม่อยากจำ
สายไหมอายุ 5 ปี ตอนที่น้องสาวตาย เด็กน้อยคนนั้นอายุเพิ่งครบขวบเมื่อไม่กี่วัน แม่ฝากสายไหมช่วยดูน้องเล่นน้ำในกะละมัง ระหว่างกำลังวุ่นอยู่กับงานครัวจัดเตรียมสำรับละศีลอด
สายไหมเกลียดน้อง น้องที่เกิดมาเพื่อแย่งความรักของแม่ไป เมื่อโตขึ้นจึงรู้ว่า ความจริงแล้วแม่ไม่เคยรักเลย แล้วจะถูกแย่งชิงในสิ่งที่ไม่เคยมีได้อย่างไร จึงรู้ว่าเธออิจฉาน้อง น้องที่เกิดมาเพื่อตอกย้ำความเป็นคนขาดพร่องและโหยหารักของตัวเอง
น้องเล่นน้ำสนุก หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ส่งยิ้มเห็นฟันสองซี่ให้สายไหม น่าเกลียดชะมัด เด็กน้อยเริ่มปีนข้ามขอบกะละมังมาเก็บลูกบอลพลาสติกที่ตกพื้น ปีนกลับเข้าไปเพื่อเล่นน้ำต่อ จังหวะเอื้อมมือก็หัวคะมำ น้ำในนั้นมีแค่ครึ่ง แต่เด็กน้อยก็ดิ้นทุรน น้ำผ่านโพรงจมูกทะลุปอดเงียบเชียบ
สายไหมอยากรีบเข้าไปช่วยน้อง แต่มือไม่ว่าง เธอยุ่งอยู่กับการอุ้มตุ๊กตา “น้องตาดำ” ตุ๊กตาไม้แต่งชุดชาวเขา ของเล่นเพียงชิ้นเดียวในชีวิตที่เธอมี จะปล่อยมือจากสิ่งที่รักที่สุดไปช่วยคนที่เกลียดทำไม เมื่อสองเท้านั้นนิ่งสนิทดีแล้ว สายไหมลุกเดินไปบอกแม่ “น้องตายแล้ว”
คนในหมู่บ้านรู้ข่าวเศร้านี้แล้วแห่แหนกันมาเพื่อแสดงความเสียใจกับพ่อแม่ อย่างเข้าใจหัวอกของผู้สูญเสียลูกน้อยอันเป็นที่รัก สิ่งมีชีวิตแสนบริสุทธิ์เกินไปที่จะตาย ต่างปลอบโยนกันไปมา “เด็กน้อยตายไปก็ได้ขึ้นสวรรค์ ยังไม่มีบาปอะไร พระเจ้ารับไว้ในสวรรค์แน่นอน”
สายไหมแอบอยู่ในผ้าคลุมของยาย ฮิญาบผืนยาวถึงสะโพกครอบร่างเด็กหญิงไว้มิดชิด เธออุ้มตุ๊กตาในอ้อมอก ภาพแม่ทิ้งตะหลิวในมือร้องไห้โฮรีบวิ่งไปดูน้องยังติดตา ถ้าเธอตายแม่จะนึกเสียใจแบบนี้ไหม เด็กหญิงได้แต่สงสัย “สายไหมเป็นเด็กดื้อ” ใครๆ ก็บอกอย่างนั้น คงไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรอก เธอรู้ตัวดี
ตั้งแต่รู้ความเธอก็ไม่มีน้ำตาอีกเลย เมื่อไม่มีน้ำตาก็ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่าเธออ่อนแอหรือเรียกร้องต้องการเอาจากแม่ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่มันก็แค่เกม เมื่อเธอนั่งขลุกอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่น ลงมือตัดกระดาษ ระบายสีเพื่อทำเป็นตุ๊กตาประดิษฐ์ แม่ก็จะเดินเข้ามา บ่น ด่า “เศษกระดาษเพ่นพ่าน บ้านรก มัวแต่เล่น ไม่ช่วยงานอะไรเลย” และเมื่อเธออ้าปากจะอธิบาย เพียงคำสองคำเท่านั้น ไม้เรียวเอย ไม้แขวนเสื้อเอย หรือแม้แต่ต้นตะไคร้ ก็เข้ามาอยู่ในมือแม่อัตโนมัติ แล้วเธอจะโดนฟาดๆ ไม่ยั้ง จนกว่าแม่จะหายบ้า และขาของเธอปรากฎแผลแตกลาย
ตอนยังเด็กเธอเคยร้องไห้อย่างหนัก เจ็บแสบเหมือนลูกตาจะหลุดออก จนเมื่อตระหนักว่าการร้องไห้ไม่ได้ช่วยอะไร น้ำตาของเธอก็ไม่เคยไหลออกมาอีก
สายไหมกดข่มความกลัวว่าแม่ไม่รักไว้ภายใต้ความโกรธรุนแรง ความเกรี้ยวกราดถูกกระตุ้นบนผิวหนังอ่อนนุ่มค่อยๆ ทำให้หัวใจของเธอผ่านเปลวไฟครั้งแล้วครั้งเล่า สิ่งเหล่านี้ก่อเกิดตัวตนให้เธอเติบโตเป็นสาวรุ่นที่เกลียดเด็กทุกคนบนโลก โดยเฉพาะเด็กที่ได้รับความรักจากพ่อแม่อย่างล้นเกิน เด็กเปรตเอาแต่ใจ ทั้งเกลียดและอิจฉา
เมื่อเธอได้ยินเสียงเด็กร้องไห้งอแงในร้านอาหาร ชักดิ้นชักงอบนพื้นห้างสรรพสินค้า เสียงนั้นแทบทำให้สติของเธอหลุด แล้วเผลอไปกระชากคอพ่อแม่สักคนตรงนั้น ด่ากราดไม่ยั้ง “ถ้าไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกให้ดี มึงจะผสมพันธุ์พวกมันออกมาทำเหี้ยอะไร ยัดแม่งกลับไปที่เดิมเหอะ” แต่เธอไม่เคยได้ทำอย่างใจนึก แม้จะอดทนไม่ไหว ก็ทำได้เพียงแค่รีบเดินหนีออกไปอย่างไวเท่านั้น
2. ที่มิอาจลืม
เหมือนเช่นทุกคืน หลังเล่านิทานจบ ไหมสุหรีจะเล่านิทานและกล่อมลูกเข้านอน เด็กน้อยหลับตาพริ้ม ยังได้ยินเสียงหายใจเบาๆ ตอนที่สองมือค่อยๆ ประคองตัว แล้วใช้หมอนนุ่มนิ่มกดใบหน้าจนร่างนั้นแน่นิ่ง เธอจัดแจงให้ลูกนอนหลับสบาย แผ่วกระซิบข้างแก้มใส “หลับตาลงเถิด ลูกเอ๋ย หลับไปให้ชั่วนิรันดร์ *”
เพียงไม่ถึงห้านาที เธอปลิดลมหายใจลูกน้อยออกจากร่างสำเร็จ อย่างไม่ให้รู้ตัว ไม่ทรมาน ห่มผ้าด้วยความรัก และมองหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย
เรื่องราวทั้งหมดมันต้องจบสิ้นเสียทีในคืนนี้ ราตรีสงัดงันอันแล้งไร้ กระทั่งสายลมยังเพิกเฉย เฉกเช่นความหวังและพลังในการมีชีวิตที่มอดดับจนหมดสิ้น ภาระนั้นหนักอึ้งเกินกว่าจะรับไหว ชีวิตคู่ที่ล้มเหลวเปลี่ยนสถานะเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เงินเดือนข้าราชการครูไม่ได้มากมาย แทบจะไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนของตัวเองและลูกชาย
หนูน้อยวัยห้าขวบที่สติปัญญาพัฒนาช้ากว่าอายุอย่างมาก เพราะเกิดมาพร้อมภาวะออทิสติก ยิ่งเมื่อโรคโควิด-19 ระบาดหนัก รายได้เสริมจากการสอนพิเศษก็ชะงักไปหมด แต่เจ้าหนี้ไม่เคยหยุดนับวันครบกำหนดชำระ ผ่อนคอนโดมีเนียมใจกลางเมือง ผ่อนรถยนต์ส่วนตัว หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์จ่อคอหอยทุกเดือน ไหนจะเงินกู้นอกระบบที่ไล่กวดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เธอพยายามจะเป็นแม่ที่ดี มอบความรักอันไร้เงื่อนไขและไม่ประมาณให้กับสิ่งมีชีวิตหนึ่ง ซึ่งเธอฟูมฟักตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ความรักที่เธอไม่เคยได้รับจากแม่แต่เธอสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองและมอบให้ลูก ทว่าคุณภาพชีวิตที่ดีมีราคาที่ต้องจ่ายหนักหนาสาหัสทีเดียว
สภาพของเธอแย่มาก ตอนที่ดิ้นรนกระเสือกกระสน น้ำยาล้างห้องน้ำที่คาดหวังว่าจะทำให้ตายตามลูกไปเสียตั้งแต่แก้วแรกไม่เป็นผล เธอกินเพิ่มเข้าไปอีกจนเกือบหมดขวด นอกจากไม่ตายแล้วฤทธิ์ของสารเคมีเข้มข้นนั้นกัดกร่อนปากไปถึงลำคอแสบร้อนทรมานเหมือนไฟแผดเผา ความเจ็บปวดนี้มากเกินกว่าสิ่งใดที่เคยพบมาในชีวิต
“จนความตาย คล้ายเป็นแค่เพียง ย่ำค่ำในฤดูหนาว ที่เงียบเย็น ปล่อยวางและไร้กังวล **” แม้กระทั่งความปรารถนาที่จะตายยังถูกขัดขวาง เส้นบางเฉียบขีดคั่นระหว่างความเป็นกับความตายกลับขยายกลายเป็นโยชน์ เพียงปลายนิ้วสัมผัสแต่มิอาจเอื้อมไปถึงฝั่งฝัน นรกยังปิดประตูใส่หน้า เงื้อมมือแห่งการลงทัณฑ์ฉุดกระชากหวนกลับคืน กักขังไว้ใน “เศษซากแห่งชีวิต” ห้อยเคว้งคว้างประจานความอัปยศอดสู
3. ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
พิธีกรรมประจำปี ทุกเช้าวันขึ้นปีใหม่ ม่านไหมและน้องสาวจะไปกินอาหารเช้าที่ร้านประจำ นับเป็นปีที่สามตั้งแต่เธอจบการรักษาตัวยาวนานในโรงพยาบาล หลังการผ่าตัดเปลี่ยนลำไส้อันเป็นผลจากการกินน้ำยาล้างห้องน้ำ
ปีนี้แจ่มใสกว่าปีใด เมื่ออาหารมาเสิร์ฟครบ เธอเริ่มต้นเล่าเรื่องราวการพบจิตแพทย์ครั้งล่าสุด ผลการรักษามีทิศทางที่ดี หมอสั่งปรับลดปริมาณยา นักจิตวิทยาที่ให้คำปรึกษาเธอมาตลอดสามปีโล่งอกโล่งใจและรอวันที่การรักษาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เป็นความสำเร็จของทั้งฝ่ายให้และฝ่ายรับการรักษา
น้องสาว เล่าว่า พ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกแล้วเมื่อช่วงก่อนปีใหม่ พ่อแยกตัวไปนอนในบ้านสวนเพื่อประชด แต่แม่ก็เหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะง้อ สองพี่น้องกระซิบกระซาบคุยกัน ปัญหาเดิมๆ ตั้งแต่ทั้งสองคนยังเป็นเด็ก พ่อมักจะเรียกพวกเธอไปปรับทุกข์ งอแงว่าแม่ไม่เคยรัก จนตอนนี้อายุพวกเธอเข้าเลข 4 ไปแล้ว กลายเป็นสาวทึนทึกขึ้นคานเพราะไม่อาจรับมือกับความรักความสัมพันธ์ใดๆ ความเป็นครอบครัวที่หมดสิ้นศรัทธา บ้านไม่เคยเป็นพื้นที่ปลอดภัย สงครามประสาทของคนสองคน กระชากความอ่อนโยนในใจให้แหลกสลายเป็นเสี่ยง
“ถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้อีก บทสนทนาคงสนุกกว่านี้นะ อุตส่าห์เจอกันแค่ปีละครั้งแท้ๆ” ม่านไหมบอก “นี่ก็พยายามปลงไปเยอะแล้ว พวกเราเติบโตขึ้นแต่พ่อแม่ไม่รู้จักโตเสียที” น้องสาวตัดบท
ฟ้ากระจ่างเมื่อครู่นั้นหายไปแล้ว บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยเมฆดำทะมึน พายุในใจก่อตัวรวดเร็วเสมอ ความบอบซ้ำจากเงื่อนปมและบาดแผลวัยเด็กพร้อมที่จะเร่งปฏิกิริยาแห่งความร้าวรานได้ทุกเมื่อ ระเบิดตัวตนให้ติดตายอยู่ภายในไม่เคยจาง เธอกับน้องสาวเฝ้าถามกันและกันซ้ำไปมาทุกปี “คนปกติเขามีชีวิตแบบไหน คนที่มีความสุขได้โดยไม่ต้องพยายามเขาทำยังไง” ไม่เคยมีคำตอบ
ทำได้เพียงฆ่าตัวเองให้ตายไปอีกครั้ง และอีกครั้ง ไม่มีวันสิ้นสุดเสียที
“สลด อดีตข้าราชการครูวัย 41 ปี พยายามรมควันฆ่าตัวตายในรถยนต์ที่หน้าบ้านพัก คาดเครียดหนี้สินจากธุรกิจออนไลน์และเป็นโรคซึมเศร้า หลังพยายามรักษาอยู่นานหลายปี เจ้าหน้ากู้ภัยตรวจพบยังมีชีพจรจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน แพทย์วินิจฉัยภาวะสมองตาย เนื่องจากขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน
จากการสืบประวัติพบเคยพยายามกินยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนี่งเมื่อ 3 ปีก่อน แต่รอดมาได้ ด้านน้องสาวเผย เจอพี่สาวเมื่อวานยังพูดคุยกันปกติ ไม่นึกว่าจะก่อเหตุฆ่าตัวตาย”
* เนื้อเพลง “โปรดเรียกขานฉันด้วยนามอันแท้จริง” ศิลปิน Boy imagine
** เนื้อเพลง “โจโฉ” ศิลปิน Boy imagine