โม เศาะลาห์ ถูกท้าทายและถูกตั้งคำถามก่อนที่ฤดูกาล 2018-19 จะเริ่มขึ้น
>สถิติในฤดูกาล 2017-18 เฉพาะพรีเมียร์ลีก<
>36 นัด<
>32 ประตู<
>10 แอสซิส<
ตัวเลขนี้คือตัวเลขมหัศจรรย์ อยู่ๆ นักเตะจากกาฬทวีป ที่เคยล้มเหลวกับทีมพรีเมียร์ลีกมาก่อนกับทีมเชลซี ก่อนถูกฟีออเรนติน่ายืมตัวไปใช้งานหนึ่งฤดูกาล ลงเล่น 16 นัด ยิงได้ 6 ฤดูกาลต่อมาก็ถูกโรมายืมตัวไป เศาะลาห์มีโอกาสลงสนามมากขึ้น ได้ลงเล่น 34 นัด ยิงไป 14 สถิติไม่ธรรมดาเลยสำหรับผู้เล่นปีกขวา ถนัดซ้าย จนกระทั่งโรมาซื้อขาดมาจากเชลซี ลงเล่น 31 นัด ยิงไป 15 สองฤดูกาลของเศาะลาห์ที่โรม่า ยิงไป 29 ปรตู เศาะลาห์ มีความเร็วที่ยอดเยี่ยม เทคนิกการเลี้ยงบอล กระชาก การครองบอล แต่ในเรื่องการทำประตู เขาถูกตั้งคำถาม แม้แต่ตอนที่มีข่าวกับลิเวอร์พูล บรรดาเดอะค็อปคงได้ไปส่องไฮไลต์ของเศาะลาห์ที่เล่นให้กับโรม่ากันทุกคน และทุกคนก็คงมีเครื่องหมาคำถามว่าเขาจะเล่นได้เข้าระบบแค่ไหน (แน่นอนภาพหลอนศูนย์หน้าอย่างบาโลเตลี่ เบนเตเก้, บอรินี่, แลมเบิร์ต อิงค์ นั้นประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง) เมื่อลิเวอร์พูลซื้อเศาะลาห์มาสู่แอนฟิลด์ ไม่มีใครคิดว่าปีกจากอียิปต์จะสร้างผลงานตะลึงงันให้กับชาวโลกได้เห็น เพียงฤดูกาลแรกเขายิงประตูได้อย่างไม่น่าเชื่อ กวาดรางวัลส่วนตัวไปมากมายดังสถิติข้างต้น
พอเริ่มฤดูกาลใหม่ 2018-19 แฮรี่ เคน ศูนย์หน้าคู่ปรับจากสเปอร์ก็เริ่มกดดันว่าถ้าแน่จริงฤดูกาลที่สองเขาต้องทำได้เหมือนก่อน คือยิงเยอะยังไงก็ต้องยิงให้ได้เท่านั้น (ดังที่เคนเคยทำมาแล้ว) แน่นอนว่าสภาพร่างกายของเศาะลาห์ในนัดชิงกับรีลแมดริด ท่อนแขนของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และฟุตบอลโลกรอเขาอยู่ เศาะลาห์คือความหวังของทีมชาติ ดังนั้นการรักษาอาการท่อนแขนของเขาจึงเกิดขึ้นเพื่อเร่งให้ร่างกายหายจากอาการบาดเจ็บให้เร็วที่สุด เศาะลาห์ลงเล่นให้กับทีมชาติในฟุตบอลโลกทั้งที่ยังฟิตไม่สมบูรณ์ เราเห็นอาการอ่อนล้าของเขาอย่างชัดเจน เขาพยายามหลีกเลี่ยงการถูกปะทะ หรือเข้าบอลหนักๆ การวิ่งหรือเลี้ยงบอลก็ไม่สามารถอยู่ในสภาพที่คล่องตัว แล้วการแบกนำ้หนักให้กับทีมชาติก็ดูเหมือนจะหนักหนาสาหัสทั้งในและนอกสนาม
เมื่อพรีเมียร์ลีกเริ่มขึ้น เศาะลาห์ยังต้องสวมเครื่องป้องกันที่ไหล่ จังหวะการวิ่ง การยิงประตูดูช้าไปหลายจังหวะ แฟนบอลหลายคนเริ่มรู้สึกหงุดหงิด และมองว่าฟอร์มเศาะลาห์ตกลงไปจากฤดูกาลก่อน (อย่างที่เขาว่า—เขาไหนหว่า) ไม่ว่าจะเป็นจังหวะที่ตัดสินใจยิง ตัดสินใจส่ง บางคนก็ว่าเศาะลาห์ฝืนเลี้ยงบอลจนโดนตัดบอลง่ายๆ เสียงวิจารณ์จากคู่แข่งหรือแฟนบอลทีมอื่นยังไม่เจ็บเท่าเสียงวิจารณ์ของแฟนบอลตัวเอง บางคนพาดพิงไปถึงความขัดแย้งระหว่างเศาะลาห์กับมาเน่ ที่แย่งความโดดเด่นกันเอง จังหวะที่ทั้งสองจะสามารถส่งบอลให้กันได้ แต่กลับพาบอลไปยิงเอง เสียงพูดเหล่านี้กระหึ่มในโลกโซเชียล ถ้าใครดูแมตซ์จริงๆ หรือเข้าใจเศาะลาห์จะเห็นว่าฤดูกาลใหม่ของเขาเล่นได้ยากขึ้น เพราะทั้งกองหลังและผู้รักษาประตูได้ศึกษาวิธีการเล่นมาอย่างดี แต่กระนั้นเศาะลาห์ก็ยังคือเศาะลาห์ นั่นคือการเรียนรู้ไปในแต่ละเกม ความเข้มแข็งทางด้านจิตใจ จนเขาได้กลายเป็นไอค่อนของผู้คน เป็นแรงบันดาลใจให้แม้แต่คนไม่เคยดูฟุตบอลมาก่อนก็ต้องรู้จักผู้เล่นจากลิเวอร์พูลคนนี้ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างมาเน่กับเศาะลาห์ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเสียงปากหอยปากปูนั้นไร้สาระสิ้นดี