ช่วง 10 ปีมานี้ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลายนั้นได้พลิกโฉมหน้าการอ่านนิยายที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยไป ด้วยแพลตฟอร์มนิยายออนไลน์ซึ่งเปิดให้ทุกคนสามารถแต่งนิยายในแบบของตัวเองได้ ทำให้เรารู้ว่านิยายที่มีคุณภาพนั้นไม่จำเป็นต้องมาจากนักเขียนชื่อดัง วันนี้จึงจะขอพาทุกคนไปพบกับ บทสัมภาษณ์นักเขียน “Montag71” จากผู้ชื่นชอบโลกแฟนตาซีสู่ นักเขียนนิยาย Boy Love กับการสร้างพล็อตนิยายสุดน่าสนใจ เจ้าของผลงานเรื่อง เทพแห่งความตายคือคุณพ่อมือใหม่ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา พวกเรามาทำความรู้จักกับนักเขียนคนเก่งท่านนี้กันเลย
Table of Contents
เกี่ยวกับตัวนักเขียน
อยากให้แนะนำตัวเองสักหน่อยและอยากทราบว่านามปากกาว่า Montag71 มีที่มาอย่างไร
สวัสดีค่ะ ชื่อจูนนะคะ เป็นนักเขียนที่ชอบแมวมาก ๆ นามปากกาได้มาจากตอนน้องสาวเล่นเกมแล้วตีกับคนชื่อ Sontag (ซอนทาค) ที่แปลว่าวันอาทิตย์ในภาษาเยอรมัน ตอนคิดนามปากกาก็คิดถึงเหตุการณ์นี้พอดี เลยขอโทษน้องในใจแล้วหยิบคำว่า Montag (โมนทาค) ที่แปลว่าวันจันทร์มาใช้ (หัวเราะ) ส่วนเลข 71 เป็นเลขที่ชอบค่ะ มาคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่านามปากกาเหมาะกับตัวเองมาก เพราะชอบการตื่นมาวันจันทร์เพื่อเขียนนิยายสุด ๆ
จุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนเริ่มตั้งแต่ตอนไหน และเริ่มเขียนนิยายวายตั้งแต่แรกเลยไหม
จูนเริ่มหัดเขียนลงสมุดตั้งแต่เด็ก ๆ เลย เพราะชอบอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ และชอบจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในโลกนั้น จึงค้นพบว่าชอบแนวแฟนตาซี เลยเขียนแนวนี้มาตั้งแต่เล่นเว็บเด็กดีเป็น แต่เพิ่งมาเขียนวายช่วงกำลังเรียนมหา’ลัยค่ะ
คุณจูนหาแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายแต่ละเรื่องจากอะไร
ส่วนใหญ่จะได้ไอเดียมาจากการเล่นเกม อย่างเช่นนิยายวายเรื่องแรก Hard Mode NPC ตอนนั้นเล่นใกล้จบแล้ว ตัวละครเทพมาก ต่อยศัตรูตายในหมัดเดียวตลอด เลยคิดกับตัวเองว่าถ้าฉันเป็นตัวประกอบตัวนั้นแล้วต้องมาเจอตัวเอกเทพ ๆ แบบนี้ก็คงซวยน่าดู สองสัปดาห์ต่อมาก็กลายเป็นไอเดียนิยายค่ะ
อะไรเป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการเขียนและมีวิธีการจัดการกับปัญหานั้นอย่างไรบ้าง
อุปสรรคที่ชอบเจอจะเป็นความตัน ช่วงเริ่มเขียนแรก ๆ หากคิดอะไรออกก็เขียนเลย ไม่ได้วางฐานไว้แน่น ๆ ฉะนั้น พอเขียนผ่านช่วงอินโทรไปสักพักก็จะเริ่มตันแล้วไปต่อไม่ได้ แต่ตอนนี้เรียนรู้ที่จะวางพล็อตและเขียนทรีตเมนต์แล้ว ซึ่งเป็นการเขียนบอกรายละเอียดว่าอะไรจะเกิดขึ้นในตอนนั้น ๆ บ้าง ช่วยแก้อาการตันได้ดีมาก ๆ ค่ะ
จากที่ติดตามผลงานมาพบว่าส่วนใหญ่พระเอกจะเป็นหนุ่มยันเดเระ เป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวใช่ไหม
ใช่ค่ะ อาจเป็นเพราะตัวเองชอบแนวสยองขวัญด้วย (หัวเราะ) ส่วนตัวคิดว่าพอมีพระเอกที่คาดเดาไม่ได้เข้ามาก็จะยิ่งทำให้เรื่องซับซ้อนและน่าสนใจมากขึ้น
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขียนนิยายวายพล็อตแนวแฟนตาซีเริ่มจากไหนและชอบอะไรมากที่สุด
จุดเริ่มต้นน่าจะมาจากการอ่านมังงะกับดูอนิเมะแนวแฟนตาซีในวัยเด็กค่อนข้างเยอะค่ะ ดูแล้วชอบจินตนาการตาม ชอบแสงสี เอฟเฟกต์ ความเหนือธรรมชาติทั้งหลาย มันเหมือนตัวเองได้หลุดไปอีกโลกเลย พอลองเขียนแนวนี้แล้วก็รู้สึกเข้ามือที่สุดก็เลยเขียนมาตลอด สิ่งที่ชอบที่สุดในแนวแฟนตาซีก็คือความกว้างขวางของโลกค่ะ เราสามารถค้นหารวมถึงสำรวจพล็อตและตัวละครได้มากมายเลย
นอกจากอาชีพนักเขียนที่ทำในปัจจุบันแล้ว ได้ทำงานอื่นด้วยหรือไม่
เขียนนิยายเป็นอาชีพหลักอย่างเดียวเลยค่ะ
ครอบครัวได้สนับสนุนหรือต่อต้านในการเป็นนักเขียนไหม
คุณแม่ค่อนข้างให้การสนับสนุนค่ะ บอกว่าตั้งแต่จูนคว่ำตัวได้ก็จับปากกามาขีดเขียนเลย ก็ดูน่าจะภูมิใจในเส้นทางนี้อยู่ (หัวเราะ)
เกี่ยวกับนิยายเรื่อง “เทพแห่งความตายคือคุณพ่อมือใหม่”
อยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นของการเขียนเรื่องนี้คืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร
เพราะรับแมวจรมาเลี้ยงเลยค่ะ (หัวเราะ) แมวตัวแรกในชีวิต เป็นแมวดำพันธุ์ไทยแท้ ชื่อน้องม่อน วันแรก ๆ ต้องจับถ่ายพยาธิกับกินยาเยอะ แล้วน้องผอมมาก ก็คิดในใจว่า “ต่อให้ผอมจนเห็นกระดูกก็จะเลี้ยงให้อ้วนจนได้” แล้วคืนนั้นก็คิดไอเดียเรื่องท่านนายพลออกเลย มันคงเป็นความรักที่อยากเห็นน้องมีสุขภาพแข็งแรง อาจจะเพราะเป็นแมวดำนำโชคจริง ๆ ก็ได้ (หัวเราะ)
ทำไมถึงเลือกให้ซีน่อนเป็นราชาเซิร์ก (พระเอก) และนายพลเรนเจียเป็นเทพแห่งความตาย (นายเอก)
ส่วนตัวชอบอ่านและเขียนให้นายเอกเป็นมนุษย์ ส่วนพระเอกเป็นเอเลี่ยนหรือสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นค่ะ แล้วเรนเจียเป็นไทป์ผู้ชายที่ชอบ คือหล่อ เท่ ดูเหมือนพระเอกเสียเอง ความจริงแล้วไม่ได้คิดเรื่องให้เรนเจียรับบทนายเอกตั้งแต่แรก แต่คิดว่าคนแบบนี้ช่างเท่จริง ๆ ก็อยากให้มีคนมาดูแลเขาอีกที เลยเกิดบทพระเอกอย่างซีน่อนขึ้นมา
เป็นที่รู้กันว่าเซิร์กนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่น่ากลัว แต่ทำไมฟิลเตอร์ในตาของเรนเจียถึงได้มองว่าเซิร์กนั้นน่ารัก
อ้างอิงจากฟิลเตอร์ทาสเลี้ยงแมวค่ะ ต่อให้แมวตัวเองจะหน้าตาบู้บี้แค่ไหนก็น่ารักที่สุดในสายตาเรา และต่อให้มันจะมีไรเต็มตัวหรือแม้กระทั่งเชื้อราขึ้น ก็อยากพาไปหาหมอรักษาจนกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกอยากทอดทิ้งน้องเลย
ส่วนตัวแล้วมีเทคนิคอย่างไรที่ทำให้เขียนงานออกมาได้สนุกและน่าอ่านมากขนาดนี้
จริง ๆ ส่วนนี้ยังเป็นสิ่งที่ดีเบตกับตัวเองตลอดเลยค่ะ แต่คิดว่าคงเป็นเพราะสไตล์การเขียนเป็นแบบ action-packed เน้นผลักดันพล็อตไปเรื่อย ๆ เลยน่าจะอ่านได้ลื่นไหลและเหมาะกับแนวเว็บโนเวลค่ะ
รู้สึกอย่างไรบ้างที่มีคนชื่นชมและติดตามผลงานมากขนาดนี้
รู้สึกดีใจรวมถึงประหลาดใจมาก ๆ เพราะยังจำวันแรกที่เริ่มเขียนนิยายได้ ลงบทนำแล้วไม่มีสักคอมเมนต์หรือจำนวนผู้เข้าอ่านเลย ตอนนั้นไม่ได้เครียด เพราะอยากเขียนและอยากอัปโหลดลงเว็บเผื่อมีคนมาอ่านจริง ๆ พอเวลาผ่านไปจนมาถึงปัจจุบัน ก็ทึ่งไม่ใช่น้อยที่มีคนติดตามผลงานขนาดนี้ ดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แล้วก็ยิ่งอยากเขียนต่อไปตามที่ใจรักเพื่อให้นักอ่านได้อ่านด้วย
คุณจูนมีอะไรอยากจะบอกกับผู้อ่านที่ติดตามผลงานของตัวเองมาจนถึงตอนนี้ไหม
อยากบอกว่าขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ อย่างที่บอก จูนยังจำวันแรกที่เริ่มเขียนนิยายได้ ตอนนั้นแค่มีคนเข้ามาอ่านหนึ่งคนก็ดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้แล้ว การมีนักอ่านที่คอยติดตามทำให้จูนอยากเขียนนิยายในทุก ๆ วัน จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ค่ะ
ความคิดเห็นเพิ่มเติม
คุณจูนมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับข้อแตกต่างระหว่างการเป็นนักเขียนอิสระกับการเป็นนักเขียนประจำสำนักพิมพ์
จริง ๆ สถานการณ์ของจูนเรียกได้ว่าก้ำกึ่งระหว่างการเป็นนักเขียนอิสระกับนักเขียนประจำสำนักพิมพ์ ช่วงเริ่มตีพิมพ์นิยายแรก ๆ จะเป็นนักเขียนอิสระ ไม่ค่อยมั่นคง ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะไม่รู้ว่าจะมีคนอ่านซื้อหนังสือไหม การลงทุนทำเล่มค่อนข้างเสี่ยงขาดทุนค่ะ นักเขียนอิสระต้องทำทุกขั้นตอนเอง ต้องขายงานตัวเองหนักมากด้วย จูนรู้สึกว่าแตกต่างกับตอนนี้ ซึ่งพอตีพิมพ์เองมาสักพัก กลุ่มของจูน (Blessing x Books) ก็ค่อย ๆ มีฐานแฟนคลับจนตั้งตัวเป็นสำนักพิมพ์ได้ เริ่มมีอำนาจต่อรองและมีลู่ทาง คิดว่าชีวิตมั่นคงขึ้นเยอะ เพราะชื่อสำนักพิมพ์สามารถเป็นตัวการันตีให้นักอ่านที่ไม่เคยอุดหนุนเห็นว่าน่าสนใจแล้วเข้ามาลองซื้อค่ะ
คุณจูนคิดว่าระหว่างการทำหนังสือเล่มกับ E-Book อันไหนยากกว่าและชอบแบบไหนมากกว่ากัน
ส่วนตัวคิดว่าทำรูปเล่มยากกว่า เพราะพอพิมพ์เป็นเล่ม คิดว่านักอ่านต้องการรูปเล่มซึ่งคุณภาพไม่สวนทางกับราคา ดังนั้นขั้นตอนจึงเยอะมาก ๆ เช็กแล้วเช็กอีกกว่าจะได้ส่งให้นักอ่าน รู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน จ่ายเงินเยอะ แล้วก็เครียดมาก ๆ ถ้าทำอีบุ๊ก จูนจะชิลกว่า ไม่กดดันเท่าตอนทำเล่มเพราะหนังสือมันต้องไปโผล่ตามหน้าร้านด้วย แต่ชอบการทำรูปเล่มนะคะ แค่ได้เห็นงานจริงก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ
สำหรับนักอ่านที่เพิ่งได้มีโอกาสมาอ่านนิยายของคุณจูน อยากแนะนำให้อ่านเรื่องไหนเป็นพิเศษไหม
อยากแนะนำให้อ่านเรื่อง “เมื่อเทพแห่งความบ้าคลั่งกลับมาคลั่งรักผมซะงั้น” เป็นแนววายแฟนตาซีค่ะ คิดว่าเรื่องนี้ทั้งการบรรยายและพล็อตลื่นไหลที่สุดแล้วจากนิยายที่เขียนมาทั้งหมด แถมสามารถตกนักอ่านใหม่ ๆ มาได้เยอะมาก
สุดท้ายนี้ อยากฝากบอกอะไรแก่นักเขียนมือใหม่บ้างไหม
อยากบอกว่าอย่าเพิ่งท้อแท้หรือยอมแพ้นะคะ เราอาจรู้สึกกดดันเพราะเห็นคนอายุใกล้เคียงประสบความสำเร็จแล้ว แต่ทุกคนมีจังหวะของตัวเอง เราต่างงอกเงยในช่วงเวลาที่ต่างกันค่ะ
จากบทสัมภาษณ์นี้คงจะทำให้ผู้อ่านได้รู้จักกับ Montag71 หรือ คุณจูน มากขึ้นแล้ว ความชื่นชอบของตัวเองและความรักที่ให้กับแมว ได้รังสรรค์ผลงานตามแพสชันขึ้น ไม่เคยย่อท้อแม้ไม่มีคนอ่าน ก่อให้เกิดผลงานอันเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพที่มีคนรอติดตามมากมายในปัจจุบัน สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ เราขอแนะนำนิยายเรื่องราวของนายพลหนุ่มผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลเซิร์กน้อยผู้ไม่ธรรมดาเพื่อสานสัมพันธไมตรีระหว่างเผ่าพันธุ์ อย่างเรื่อง “เทพแห่งความตายคือคุณพ่อมือใหม่” ไว้ให้ทุกคนได้ติดตามว่าทั้งคู่จะลงเอยกันอย่างไร
ช่องทางติดตามนักเขียน: Facebook และ Twitter
ช่องทางติดตามนิยาย: readAwrite
ช่องทางการสั่งซื้อ: E-Book และ Blessing x Books