วันปีใหม่ เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองของคนทั่วทุกมุมโลก ซึ่งแต่ละประเทศก็มีธรรมเนียมเพื่อบอกลาปีเก่าที่แตกต่างกันไปตามความเชื่อของพวกเขา บางเรื่องพวกเราก็อาจจะคุ้นหูกันมาบ้างแล้ว แต่บางเรื่องก็แปลกพิสดารจนเราคาดไม่ถึง ดังนั้น เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ผู้เขียนจึงรวบรวม 10 ความเชื่อในวันปีใหม่ ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกมาให้ จะมี ความเชื่อแปลกๆ ในวันปีใหม่ อะไรกันบ้าง มาเริ่มอ่านกันเลย
Table of Contents
1. ตีระฆัง 108 ครั้ง ขับไล่กิเลส
บรรยากาศนั่งฟังเสียงระฆังก้องกังวานในฤดูหนาวคืนวันสิ้นปีถือเป็นเรื่องปกติมากในประเทศญี่ปุ่น เพราะตั้งแต่ในสมัยโบราณกาลประเทศนี้มีธรรมเนียมการเฉลิมฉลองที่เรียกว่า “ระฆังคืนสิ้นปี” หรือ “โจยะ โนะ คาเนะ (Joya no Kane)” โดยเมื่อถึงกลางดึกในคืนสิ้นปีที่วัดของญี่ปุ่นเกือบค่อนประเทศจะมีการตีระฆังจำนวน 108 ครั้ง ซึ่งเป็นตัวแทนของกิเลสทั้ง 108 ประการ บางวัดอาจจะตีระฆัง 107 ครั้งในวันสิ้นปี ส่วนอีก 1 ครั้งที่เหลือจะตีหลังเที่ยงคืนซึ่งเป็นวันปีใหม่ โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ตนไม่หลงกับกิเลสใด ๆ ไปอีก 1 ปีและนำพาความโชคดีมาให้
ในประเทศไทยนั้นไม่มีการตีระฆัง 108 ครั้งก็จริง แต่ถ้าใครอยากลองสัมผัสบรรยากาศฉลองปีใหม่ของญี่ปุ่นดูบ้าง แนะนำให้ลองหากระดิ่งเล็ก ๆ มาใช้แทน พอถึงเที่ยงคืนวันสิ้นปีก็เขย่าไปเลย 108 ครั้ง ผู้เขียนว่าก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ
2. เศษจานต้อนรับปีใหม่
ที่เดนมาร์กมีความเชื่อแปลกๆ สำหรับการฉลองปีใหม่อยู่ โดยตลอดทั้งปีชาวเดนมาร์กจะเก็บจานและถ้วยชามที่แตกหรือไม่ได้ใช้แล้วเอาไว้ เมื่อถึงวันสุดท้ายของปี พวกเขาจะนำจานเหล่านั้นมาเขวี้ยงใส่บ้านเพื่อนหรือครอบครัวเพื่อเป็นการส่งต่อโชคลาภและความรักให้ แต่ถ้าอยากใช้วิธีที่ดูรุนแรงน้อยลงหน่อยก็แค่นำเศษจานแตกไปวางไว้หน้าประตูของคนๆ นั้นก็พอ ยิ่งบ้านมีเศษจานมากเท่าไร โชคลาภก็จะเพิ่มขึ้นตามนั้น อีกทั้งเป็นสัญญาณว่ามีคนที่รักคุณและคิดถึงคุณอยู่ด้วย
สำหรับประเทศไทย อย่าว่าแต่ไปเขวี้ยงใส่บ้านคนอื่นเลย ถ้าอยู่ดี ๆ เอาเศษจานไปวางบ้านคนอื่นคงถูกมองเป็นขยะเสียมากกว่า แถมยังเป็นการทำลายข้าวของโดยไม่จำเป็นอีกด้วย ในกรณีนี้เราอาจจะทำกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กับเพื่อนฝูง และใช้จานกระดาษที่ใช้แล้วน่าจะดีกว่า
3. เผาหุ่นไล่กาให้วอดวาย
เมื่อถึงคืนวันสิ้นปี ชาวเอกวาดอร์จะจุดไฟเผาหุ่นไล่กาที่ถูกยัดไส้ด้วยกระดาษและรูปถ่ายเก่าๆ ที่เก็บความทรงจำไม่ดีไว้ โดยพวกเขาเชื่อว่าการทำแบบนี้จะเป็นการกำจัดสิ่งแย่ๆ หรือความโชคร้ายที่เกิดขึ้นตลอด 12 เดือนที่ผ่านมาให้หมดสิ้นและพร้อมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในปีหน้า ซึ่งหุ่นไล่กาที่ว่านี้อาจจะสร้างขึ้นมาเองหรือไปซื้อมาก็ได้ โดยบางครั้งหุ่นพวกนี้จะมีลักษณะคล้ายบุคคลที่มีตัวตนอยู่แล้ว เช่น นักกฏหมายหรือซูเปอร์ฮีโร่
ว่ากันว่าต้นกำเนิดของความเชื่อนี้มาจากโรคไข้เหลืองในปีพ.ศ. 2438 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเมืองกัวยากิลที่เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางการค้าของประเทศเอกวาดอร์อย่างมาก โดยผู้รอดชีวิตจะนำศพของผู้ตายใส่ในโลงศพและเผาทิ้ง การทำเช่นนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการชำระล้างเช่นเดียวกับความเชื่อการเผาหุ่นไล่กานี้
สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะสัมผัสความเชื่อนี้ ผู้เขียนแนะนำให้ลองทำตุ๊กตาจากเศษกระดาษที่ไม่ใช้แล้ว จากนั้นก็เผามันด้วยไฟแช็กหรือเทียนไข แต่ก็ต้องระวังการใช้ไฟไว้ให้มากด้วย ทางที่ดีอย่าอยู่ห่างสายตาผู้ใหญ่จะดีกว่า
4. กินองุ่นให้ครบ 12 ลูก
ความเชื่อนี้เกิดขึ้นที่ประเทศสเปน โดยในคืนวันที่ 31 ธันวาคมก่อนเที่ยงคืนชาวสเปนจะคอยฟังเสียงนาฬิกาตีบอกเวลาครบสิบสองครั้ง และในทุกครั้งก็จะกินองุ่น 1 ลูกเพื่อต้อนรับปีใหม่ ซึ่งจำนวนลูกองุ่นและเสียงนาฬิกาเป็นตัวแทนของโชคลาภใน 12 เดือนข้างหน้านั่นเอง
ธรรมเนียมกินองุ่นนี้มีมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2438 แล้ว แต่เพิ่งมานิยมในปีพ.ศ. 2452 โดยชาวสวนที่อาศัยอยู่ในอาลีกันเต เมืองท่าของสเปน เป็นผู้เผยแพร่ความเชื่อนี้เพื่อเพิ่มยอดขายขององุ่นที่ได้มาจากการเก็บเกี่ยว ชาวสเปนเชื่อว่าการกินองุ่นทั้ง 12 ลูกนี้จะนำมาโชคลาภมาให้ อีกทั้งในบางพื้นที่ก็ยังเชื่อว่าสามารถขับไล่แม่มดและสิ่งชั่วร้ายได้อีกด้วย ถึงแม้ในทุกวันนี้จะทำกันเพราะเป็นธรรมเนียมเพื่อฉลองเทศกาลปีใหม่อย่างเดียวก็ตาม
สำหรับเราคนไทยที่อยากลองสัมผัสความเชื่อแบบนี้ ทำไมไม่ลองซื้อองุ่นมากินตอนรอเคาท์ดาวน์ปีใหม่กันดูล่ะ นอกจากจะอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วยนะ!
5. หาของกลมๆ ไว้รอบกาย
รูปทรงกลมถือเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีในหลายๆ ประเทศแถบเอเชียรวมถึงประเทศฟิลิปปินส์ ผู้คนที่นี่มีความเชื่อว่าถ้าต้องการนำความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งมาสู่ตนในปีต่อไป ในวันสิ้นปีพวกเขาจะต้องล้อมรอบตัวเองไปด้วยของกลมๆ ซึ่งจะเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่เหรียญไปจนถึงผลไม้ต่างๆ เช่น ส้มหรือองุ่น สิ่งของกลมๆ เหล่านี้จะเป็นตัวแทนของความมั่งคั่งและความสำเร็จ ดังนั้นถ้าเห็นชาวฟิลิปปินส์ใส่เสื้อผ้าลายจุดในวันปีใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย
ถ้าอยากจะลองสัมผัสการฉลองปีใหม่แบบชาวฟิลิปปินส์ก็ทำได้ไม่ยาก อาจจะลองพกของกลมๆ เอาไว้กับตน เช่น เหรียญเงิน ลูกอม ฯลฯ หรือจะลองหาเสื้อลายจุดมาใส่ในวันปีใหม่ก็ได้
6. แขกคนแรกของบ้านกำหนดชะตาชีวิต
ในประเทศสกอตแลนด์และทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ มีความเชื่อกันว่าแขกคนแรกที่มาเยือนในวันปีใหม่จะนำพาความโชคดีมาให้ตลอดทั้งปี ว่ากันว่าแขกคนแรกควรจะเป็นผู้ชายตัวสูงผมสีดำที่ไม่ได้อยู่ในบ้านตั้งแต่แรกแล้วมาถึงก่อนตอนเที่ยงคืน บางพื้นที่ก็บอกว่าแขกคนแรกควรนำของขวัญติดตัวมาด้วย เช่น ถ่านหิน เหรียญ วิสกี้ หรือขนมปังหมึกดำ ต้นกำเนิดของความเชื่อนี้นั้นไม่ชัดเจน แต่ก็มีทฤษฎีว่าความเชื่อนี้มาจากธรรมเนียมที่มีความเกี่ยวข้องกับการรุกรานของชาวไวกิ้งบนเกาะอังกฤษ
สำหรับใครที่อยากลองสัมผัสความเชื่อนี้ ถ้าไม่มีแขกมาเยี่ยมบ้านในวันปีใหม่ ก็อาจจะลองเตี๊ยมกับเพื่อนให้พวกเขาแกล้งเป็นแขกคนแรกของบ้านก็ดูน่าสนุกดีเหมือนกันนะ
7. ความโชคดีขึ้นอยู่กับสีกางเกงใน
ในประเทศแถบอเมริกาใต้เช่น เม็กซิโก โบลิเวีย และบราซิล มีความเชื่อว่าสีของกางเกงในที่สวมใส่ในวันปีใหม่จะเป็นตัวกำหนดโชคที่จะได้รับในปีนั้น ถ้าอยากได้โชคเรื่องความรักก็ต้องใส่สีแดง ถ้าอยากมีเงินมีทองใช้ตลอดปีก็ต้องสีเหลือง ส่วนใครที่ต้องการความสงบสุขในชีวิตก็จัดไปเลยสีขาว และหากอยากเสริมโชคเข้าไปอีก กางเกงในที่ใส่นั้นจะต้องเป็นของใหม่ที่ได้รับมาเป็นของขวัญ นอกจากนี้ในหลายๆ ประเทศก็ยังเชื่ออีกว่าก่อนเที่ยงคืนควรใส่กางเกงในกลับด้านแล้วค่อยกลับด้านให้ถูกหลังนาฬิกาตีที่เลขสิบสอง
ความเชื่อนี้เอามาปรับใช้กับประเทศไทยได้ไม่ยาก เพียงแค่เราหากางเกงในหลากสีมาใส่ในคืนก่อนวันปีใหม่เท่านั้น ถ้าอยากเสริมดวงในด้านไหน ก็เลือกสีตามที่ผู้เขียนกล่าวไว้ข้างต้นได้เลย
8. ฟังเหล่าสรรพสัตว์คุยกัน
ในคืนก่อนวันปีใหม่ที่โรมาเนีย ชาวนาบางคนจะพยายามเงี่ยหูฟังเหล่าสรรพสัตว์ในฟาร์มของตนคุยกัน เพราะเชื่อว่าพวกสัตว์จะได้รับพลังที่ทำให้พูดได้ในวันนั้น ถ้าพวกเขาได้ยินเสียงนั้นก็จะนำความโชคดีมาให้ในปีต่อไป บางครั้งชาวโรมาเนียก็จะใส่ชุดหมีซึ่งส่วนใหญ่ทำมาจากขนหมีจริ ๆ และเต้นเพื่อขับไล่ปีศาจอีกด้วย
สำหรับเราคนไทย ถ้าใครทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ต่างๆ เช่น ทำฟาร์มสัตว์ ก็ลองหาโอกาสไปฟังพวกสัตว์ในฟาร์มคุยกันในคืนวันสิ้นปีก็ได้ ส่วนใครที่ไม่ได้ทำงานด้านนั้น จะลองคุยกับสัตว์เลี้ยงของตัวเองก็ไม่เสียหายนะ
9. สุ่มมันฝรั่ง
ที่โคลอมเบียมีความเชื่อในการฉลองปีใหม่เกี่ยวกับมันฝรั่ง โดยชาวโคลอมเบียจะวางมันฝรั่งสามลูกไว้ใต้เตียง โดยลูกที่หนึ่งปอกเปลือก ลูกที่สองไม่ปอกเปลือก และลูกสุดท้ายปอกเปลือกแค่ครึ่งเดียว เมื่อถึงตอนเที่ยงคืนของวันสิ้นปี พวกเขาจะปิดตาแล้วเอื้อมมือไปใต้เตียงสุ่มหยิบมันฝรั่งมาลูกหนึ่ง ถ้าหยิบได้มันฝรั่งที่ปอกเปลือกหมายความว่าจะมีปัญหาทางการเงิน ถ้าได้มันฝรั่งที่ไม่ได้ปอกเปลือกหมายถึงจะมีความมั่งคั่งทางด้านการเงิน และถ้าได้มันฝรั่งที่ปอกเปลือกครึ่งเดียวคือทั้งสองอย่างผสมกัน
ความเชื่อนี้ก็เป็นอีกความเชื่อที่เลียนแบบได้ไม่ยาก เพียงแค่หามันฝรั่งมาสามลูกและทำตามวิธีที่ผู้เขียนได้กล่าวไปได้เลย แต่แนะนำว่าไม่ต้องไปจริงจังกับผลการทำนายมาก เพราะสุดท้ายผลลัพธ์ของชีวิตนั้นมาจากการกระทำของเราเองทั้งสิ้น
10. ส่งท้ายปีเก่าในสุสาน
ชาวชิลีส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาในวันสิ้นปี ณ สุสานในท้องถิ่นของตนเพื่อไปเยี่ยมเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้ว แม้จะดูเป็นความเชื่อที่น่าเศร้ามากกว่าความรื่นเริง แต่คนในพื้นที่กล่าวว่าการได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รักผู้ล่วงลับไปแล้วนั้นนำความสงบสุขมาให้จิตใจของพวกเขาและเป็นการเสริมสร้างความโชคดีในปีใหม่ โดยชาวชิลีจะนำอาหาร เครื่องดื่มมาที่สุสาน ก่อนจะจุดไฟเล็กๆ ไว้ข้างหลุมศพเป็นการตกแต่ง ราวกับเป็นการคาดหวังว่าพวกเขาจะได้มีโอกาสเจอผู้ที่เสียไปแล้วอีกครั้ง เป็นการตอกย้ำว่าผู้ที่ตายนั้นจะไม่ได้อยู่เพียงลำพังในวันสิ้นปี
ประเพณีนี้เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2538 เมื่อมีครอบครัวหนึ่งปีนข้ามรั้วสุสานเข้าไปเพื่อใช้เวลาสิ้นปีกับคุณพ่อที่เพิ่งเสียไป เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเห็นดังนั้นก็เกิดเห็นใจ จึงเปลี่ยนกฎใหม่ให้สุสานเปิดให้บริการในวันสิ้นปีได้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้คนเข้ามาตกแต่งหลุมศพของคนที่รักและฉลองให้กับพวกเขา
สำหรับประเทศไทยก็มีวัฒนธรรมที่คล้ายๆ กับการส่งท้ายปีเก่าในสุสานของประเทศชิลี นั่นก็คือการเข้าวัดทำบุญในช่วงปีใหม่นั่นเอง เราอาจจะไม่มีโอกาสได้ตกแต่งหลุมศพเหมือนกับชาวชิลี แต่การสวดมนต์ให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกันมากนัก เพราะนั่นก็ถือเป็นการส่งผ่านความคิดถึงให้แก่คนที่เรารักที่จากไปแล้วเช่นเดียวกัน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับความเชื่อในวันปีใหม่จากทั่วทุกมุมโลก บางประเพณีของแต่ละประเทศอาจจะดูแปลกในสายตาของเราเนื่องจากความแตกต่างกันทางด้านของวัฒนธรรม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเรียนรู้ความเชื่อเหล่านั้นแล้วนำมาปรับใช้ไม่ได้ เพราะทุกธรรมเนียมการเฉลิมฉลองก็มีไว้เพื่อส่งเสริมความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่อย่างมีความหวังและความสุขสันต์ด้วยกันทั้งนั้น สุดท้าย เนื่องในโอกาสปีใหม่นี้ ผู้เขียนขอให้ผู้อ่านทุกท่านโชคดีและมีความสุขในวันปีใหม่นะคะ
อ้างอิง
marumura: สารานุกรมคำญี่ปุ่น..ระฆังคืนสิ้นปี [Joya no Kane]
Radio Nigeria Ibadan: Denmark: A Country Where Broken Plates Bring Good Luck
Pure! Travel Group: Burning the old year in Ecuador
Woman’s World: 8 New Year’s Traditions From Around the World
JoinCake: 12 Filipino New Year’s Eve Traditions & Superstitions
CountryLiving: 8 unusual New Year’s Eve traditions
Expat Living: New Year’s Eve around the globe
Glamour: 15 New Year’s Traditions From Around the World
The Vintage News: Chile spend the New Year’s Eve at the local graveyards