First Folio คืออะไร : เฟิร์สโฟลิโอ คือ หนังสือรวบรวมผลงาน “บทละคร” ของวิลเลียม เชคสเปียร์ (William Shakespeare) ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1623 เจ็ดปีหลังจากที่เชคสเปียร์เสียชีวิต รูปเล่มของเฟิร์สโฟลิโอหนังสือมีขนาดใหญ่ ถ้าเทียบสมัยก่อนมีราคาแพง เป็นหนังสือที่ทรงคุณค่า
เชคสเปียร์เขียนบทละครเอาไว้ราวๆ 37 เรื่อง ในจำนวนนี้มี 36 เรื่องที่ได้รับการตีพิมพ์ในเฟิร์สโฟลิโอ ผลงานทั้งหมดนี้เคยจัดแสดงที่โรงละครโกลบ (Globe Theatre) ซึ่งเป็นโรงละครในแบบกลางแจ้ง (ใช้ช่วงกลางวันจัดการแสดง) โรงละครโกลบตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน แถบ south bank ริมแม่น้ำเทมส์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1599 เนื่องจากไม่มีต้นฉบับต้นฉบับของเชคสเปียร์เหลืออยู่เลย (ยกเว้นบทละครเรื่อง ‘เซอร์โธมัส มอร์’ — Sir Thomas More — ซึ่งเชื่อกันว่าเชคสเปียร์เป็นผู้แก้ไขบางส่วน) ละครของเชคสเปียร์ส่วนใหญ่มาจากฉบับที่มีการจัดพิมพ์เท่านั้น
ทำไม First Folio จึงสำคัญ
ละคร 36 เรื่องในเฟิร์สโฟลิโอ มีเพียง 17 เรื่อง ที่ตีพิมพ์ในช่วงที่เชคสเปียร์มีชีวิตอยู่ จำนวนทั้ง 17 เรื่อง พิมพ์แบบฉบับควอร์โต (quarto) ทั้งควอร์โตที่ดีและไม่ดี คำว่า ‘quarto’ หมายถึงหนังสือที่มีขนาดเฉพาะ เป็นหนังสือที่พิมพ์บนแผ่นกระดาษ โดยมีการพับสองครั้ง (ตัวอย่างเช่นกระดาษเอสี่พับสองครั้งและตัดกระดาษจะได้ขนาดควอร์โต) เพื่อให้เข้าใจง่าย ควอร์โตมีขนาดใกล้เคียงกับหนังสือปกอ่อนสมัยปัจจุบัน หรือที่เรียกกันว่า 16 หน้ายก หนังสือบทละครประเภทนี้จะมีราคาค่อนข้างถูก ต่างจากโฟลิโอที่จะมีขนาดใหญ่กว่าและพิเศษกว่า จัดทำขึ้นพิเศษเป็นของราคาแพง ควอร์โตฉบับหนึ่งได้รับการพิมพ์หลังจากเชคสเปียร์ตาย และ18 ฉบับยังไม่ได้ตีพิมพ์เลย ด้วยข้อเท็จจริงตรงนี้ทำให้เฟิร์สโฟลิโอมีความสำคัญมาก หากไม่มีเฟิร์สโฟลิโอ บทละครของเชคสเปียร์ทั้ง 18 เรื่อง รวมถึง Twelfth Night, Measure for Measure, Macbeth, Julius Caesar และ The Tempest ก็คงไม่มีทางรอดจนถึงปัจจุบัน
ต้นฉบับในเฟิร์สฟอลิโอเรียบเรียงโดยเพื่อนนักแสดงของเชคสเปียร์สองคนคือ John Heminge และ Henry Condell ทั้งสองคนยังเป็นบรรณาธิการ และผู้ดูแลในการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ พวกเขาทั้งสองยังมีรายชื่อในกลุ่มนักแสดงหลักในละครของเชคสเปียร์ และคนอื่นไม่ว่าจะเป็น Richard Burbage, Will Kemp และเชคสเปียร์ ก็แสดงในละครที่เขาเขียน
หน้าที่ของกองบรรณาธิการคือการตัดสินใจเพื่อกำหนดแนวความคิดเของเชคสเปียร์ เฮมิงจ์และคอนเดลล์จึงแบ่งบทละครออกเป็นสามแนวได้แก่ ตลก (comedy) โศกนาฏกรรม (tragedies) และประวัติศาสตร์ (histories) เพื่อทำให้ต้นฉบับมีความน่าเชื่อถือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขารวบรวมต้นฉบับจาก ควอร์โตที่ดีและจากต้นฉบับลายมือ (ปัจจุบันนี้สูญหายไป) เช่น สมุดจดบันทึกความคิด ต้นฉบับของนักเขียนที่ค่อนข้างสมบูรณ์ และต้นฉบับลายมือที่ค่อนข้างเลอะเลือน (ฉบับร่างที่ใช้งานได้) เฟิร์สโฟลิโอ ทำการแก้ไข bad quartos ที่จัดพิมพ์โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยนำมาฟื้นฟูต้นฉบับเพื่อเป็นรากฐานใหม่
ใบหน้าที่แท้จริงของเชคสเปียร์เป็นอย่างไรใน First Folio
หนังสือเฟิร์สโฟลิโอได้ตีพิมพ์ภาพเหมือนของวิลเลียม เชคสเปียร์ ไว้ในหน้าไตเติล ภาพนี้แกะพิมพ์โดย Martin Droeshout ได้รับการยืนยันว่าเป็นหนึ่งในสองภาพที่น่าเชื่อถือและมีความใกล้เคียงภาพของเชคสเปียร์มากที่สุด ตอนที่เชคสเปียร์เสียชีวิต ดรอชเฮาท์มีอายุเพียง 15 ปี เท่านั้น จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่ดรอชเฮาท์จะได้พบกับเชคสเปียร์จริงๆ ภาพของเขาอาจะดึงจินตนาการมาจากความทรงจำของผู้อื่น หรือเขียนจากภาพเขียนของเชคสเปียร์ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ในส่วนของบทนำของหนังสือ ‘To the Reader’ บทกวีเขียนโดย Ben Johnson เพื่อนกวีของเชคสเปียร์ ได้ชื่นชมผู้แกะภาพโดยแถลงว่าภาพเหมือนของเชคสเปียร์ภาพนี้น่าประทับใจ ทำได้เหมือนมาก เขา “Hit” หรือจับภาพใบหน้าของเชคสเปียร์ได้อย่างยอดเยี่ยม
ความมหัศจรรย์แห่งเวทีของเรา
จอนสันเขียนบทกวี ‘To the memory’ ถึง เชคสเปียร์ โดยนำเสนอเชคสเปียร์ในฐานะ ‘จิตวิญญาณแห่งยุค’ หรือ ‘ความมหัศจรรย์แห่งเวทีของเรา’ จอนสันเปรียบเทียบเชคสเปียร์กับนักเขียนบทละครคนอื่นๆ โดยเปรียบเทียบกับ คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ นักเขียนร่วมยุคสมัยเดียวกัน ผู้ที่ผู้อ่านรู้จักจากบทละครเรื่อง ‘mighty line’ จอนสันยืนยันว่าเชคสเปียร์ควรค่าแก่การสรรเสริญ
มีอะไรพิเศษใน First Folio
การพิมพ์เฟิร์สโฟลิโอสำเนานี้เป็นหนึ่งในสี่ชิ้นที่ยังดำรงอยู่มาถึงปัจจุบัน มีการปรับปรุงภาพของเชคสเปียร์จากการแกะสลักในสเตทแรก ก่อนที่ มาร์ติน ดรอชเฮาท์จะทำการปรับปรุงแผ่นแกะสลักเพื่อให้รูปลักษณ์ของหน้าผากและคางของเชคสเปียร์ดูดีขึ้น โดยเพิ่มการแรเงา ในเวอร์ชันนี้ ศีรษะของเชคสเปียร์ดูเหมือนจะลอยอยู่เหนือปกเสื้อพับจีบ —ruff— เนื่องจากมีภาพเหมือนเชคสเปียร์ในเวอร์ชันแรกๆ ที่เคยพิมพ์มาแล้ว เราจึงทำให้ทราบความแตกต่างของแต่ละสำเนา
ประเมินกันว่ามีการพิมพ์เฟิร์สโฟลิโอประมาณ 750 เล่ม ซึ่งปัจจุบันทราบว่ามีหลงเหลืออยู่ 233 เล่ม ทั่วโลก หอสมุดแห่งชาติอังกฤษมีทั้งหมดห้าเล่ม
เกี่ยวกับวิลเลียม เชคสเปียร์
วิลเลียม เชคสเปียร์ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งสำหรับนักเขียนที่ใช้ภาษาอังกฤษ เขาเกิดวันที่หรือประมาณวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1564 ในเมืองสแตรทฟอร์ด-อัพพอน-เอวอน เป็นลูกชายคนโตของจอห์น เชคสเปียร์ พ่อค้าถุงมือผู้มั่งคั่งและผู้มีเกียรติในท้องถิ่น และแมรี อาร์เดน ลูกสาวชาวนาผู้มั่งคั่ง ไม่มีบันทึกการศึกษาของวิลเลียม แต่เขาอาจจะเข้าโรงเรียน King’s New School ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นในเมืองสแตรทฟอร์ดที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้เรียนภาษาละติน กรีก เทววิทยา และวาทศาสตร์ ที่โรงเรียนอาจมีการเลี้ยงดูแบบคาทอลิก เขาอาจเคยดูละครของกลุ่มโรงละครที่เดินทางมาสแตรทฟอร์ดในช่วงทศวรรษที่ 1560 และ 70 เมื่ออายุ 18 ปี วิลเลียมแต่งงานกับแอนน์ แฮทธาเวย์ และทั้งคู่มีลูกสามคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
‘ปีที่หายไป’ (lost years) ของเชคสเปียร์คืออะไร?
ไม่มีใครรู้ว่าเชคสเปียร์ไปทำอะไรระหว่างปี ค.ศ. 1587 ซึ่งเป็นบันทึกครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับวัยเยาว์ของเขาในสแตรทฟอร์ด และในปี ค.ศ. 1592 มีการกล่าวถึงเขาครั้งแรกในลอนดอน คาดเดากันมากมายเกี่ยวกับ “ปีที่หายไป” รวมถึงเรื่องราวที่เชคสเปียร์ถูกเนรเทศจากวอร์ริคเชียร์เพราะขโมยกวาง และเมื่อเข้าไปลอนดอนเขาทำงานที่โรงละครโดยเป็นผู้ดูแลม้าให้ผู้ชมละคร
เชคสเปียร์เขียนอะไร?
ระหว่างปี ค.ศ. 1590 ถึง ค.ศ. 1613 เชคสเปียร์เขียนบทละครอย่างน้อย 37 เรื่องและผลงานรวมบทกวีอีกหลายเล่ม ผลงานละครประเภทตลก 17 เรื่อง เช่นThe Merchant of Venice และ Much Ado About Nothing ละครประวัติศาสตร์ 10 เรื่อง เช่น Henry V และ Richard III ละครโศกนาฏกรรมที่โด่งดังที่สุด ได้แก่ Romeo and Juliet, Hamlet, Othello, King Lear และ Macbeth เชคสเปียร์ยังเขียนบทกวี 4 บท และคอลเลกชันซอนเน็ตที่มีชื่อเสียงซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1609
เมื่อปี ค.ศ.1592 เชคสเปียร์เป็นที่รู้จักมากพอในฐานะนักเขียนและนักแสดง เขาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากคู่แข่งขี้อิจฉาอย่างโรเบิร์ต กรีนว่าเป็น “อีกาที่พุ่งพรวด” (upstart crow) และ “Johannes Factotum” (“Johnny do-it-all”) ในจุลสาร Groats-worth of Wit แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะระบุลำดับเหตุการณ์ของผลงานของเชคสเปียร์ แต่มีแนวโน้มว่าภายในปี ค.ศ. 1592 เขาได้ประพันธ์บทละคร 11 เรื่อง รวมถึง โรมีโอกับจูเลียต, Richard III และ A Midsummer Night’s Dream บทละครของเขาประสบความสำเร็จ รายรับจากการแสดงครั้งแรกของ Henry VI ตอนที่ 1 ที่ โรงละคร Rose ในเซาธ์วาร์ก ปี ค.ศ. 1592 มีการแสดงถึง 15 ครั้งและได้รับรายได้ £3.16s.8d ซึ่งหมายความว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก สถิติสูงสุดประจำฤดูกาล
ช่วงเวลาส่วนใหญ่ตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 1592 ถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1594 โรงละครในลอนดอนถูกปิดเนื่องจากโรคระบาด เชคสเปียร์ตีพิมพ์บทกวีสองเล่มในช่วงเวลานี้ ได้แก่ Venus และ Adonis และ The Rape of Lucrece
ความสำเร็จของเชคสเปียร์เติบโตขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1590 เขาเข้าร่วมและเป็นผู้ถือหุ้นของ Lord Chamberlain’s Men ซึ่งแสดงต่อหน้าควีนอลิซาเบธหลายครั้ง และนอกจากจะเขียนบทละครมากขึ้นแล้ว เขายังตีพิมพ์บทกวีหลายเล่ม ความสำเร็จของเขาทำให้สามารถซื้อ New Place ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่เป็นอันดับสองใน Stratford ในปี ค.ศ. 1597 ความสำเร็จนี้ไม่ได้หยุดยั้งให้เกิดโศกนาฏกรรมแต่อย่างใด: ในปี ค.ศ. 1596 แฮมเน็ต ลูกชายวัย 11 ขวบของเขาเสียชีวิต
ละครของเชคสเปียร์แสดงที่ไหน?
ในปี ค.ศ. 1599 กลุ่มนักแสดงของลอร์ดแชมเบอร์เลน ซึ่งมีเชคสเปียร์ร่วมอยู่ด้วย ได้สร้างโรงละครแห่งใหม่ The Globe ละครเรื่อง Julius Caesar เป็นหนึ่งในละครเรื่องแรกๆ ที่แสดงที่นั่น การแสดงที่ Globe แบ่งออกเป็นสามฤดูกาลโดยมีการพักช่วงคริสต์มาสเมื่อนักแสดงต้องไปแสดงในราชสำนัก บางคนแสดงไม่ต่อเนื่อง และช่วงฤดูร้อนที่นักแสดงได้ท่องเที่ยวไปตามเมืองต่างๆ เพื่อหนีจากการติดเชื้อจากโรคระบาด และความไม่สงบสุขของเมือง
เมื่อควีนเอลิซาเบธสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1603 กษัตริย์เจมส์ที่ 1 ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อ ประกาศว่าคนของลอร์ดแชมเบอร์เลนจะกลายเป็นคนของกษัตริย์ —King’s Men— การอุปถัมภ์ครั้งนี้เป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่สำหรับคณะละคร แต่เชคสเปียร์ไม่ได้เป็นนักเขียนบทละครหุ่นเชิด เขายังคงเขียนบทละครที่ก่อให้เกิดคำถามยากๆ เกี่ยวกับความเป็นกษัตริย์ งานในยุคจาโคเบียนช่วงปี ค.ศ. 1604–08 มีความเข้มข้นทางเนื้อหามากกกว่าและรวมถึงละครแนวโศกนาฏกรรมที่แสดงถึงการเติบโตทางความคิดของเชคสเปียร์ อย่าง Hamlet, Othello, King Lear และ Macbeth
ปี ค.ศ. 1608 โรงละคร King’s Men ได้เปิดโรงละครแห่งที่สอง ซึ่งเป็นสถานที่ในร่มที่ใช้แสงเทียนแทนแสงจากธรรมชาติที่ Blackfriars ซึ่งมีที่นั่งราคาแพงสำหรับผู้ชมที่มีฐานะดีมากกว่า และแสงไฟอาจมีอิทธิพลต่อบรรยากาศของละครช่วงดึก เช่น The Tempest
วิลเลียม เชคสเปียร์เสียชีวิตเมื่อไหร่?
โรงละครโกลบถูกไฟไหม้ ในปี ค.ศ. 1613 และในปีเดียวกันนั้น เชคสเปียร์ก็อำลาวงการละครในลอนดอน และกลับมาที่สแตรทฟอร์ด เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1616 และถูกฝังไว้ในโบสถ์โฮลีทรินิตี้ หากนับจากวันที่เขารับบัพติศมา สิริอายุรวม 52 ปี