Movie Review: The Hater เป็นหนังที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจกระบวนการทางความคิดของฝ่ายขวา การต่อสู้ทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่ใช่เพียงความความเกลียดในเรื่องส่วนตัว แต่เป็นการไต่เต้าไปสู่ศูนย์กลางของอำนาจ ภายใต้ชนชั้นที่ที่ถูกแยกจากกันอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องการกันและกันเพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อสู้
ร้ายกาจ จัดจ้าน น่าสะพรึง และเต็มไปด้วยความโกลาหล
หนังมีอารมณ์ความรู้สึกในแบบ Parasite ของบอง จูน-โฮ ที่ตัวเอกเข้าไปแทรกซึมอยู่ในบ้านคนรวย ขณะเดียวกัน The Hater นั้นเน้นนำ้หนักไปที่การเมืองที่ใหญ่กว่า มองภาพของผู้อพยพสงครามที่กำลังไหลทะลักเข้ามาในโปแลนด์ การแบ่งแยกชาติ เชื้อชาติกลายเป็นประเด็นการเมืองที่สำคัญ ขณะเดียวกันยุโรปก็กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากปัญหาเหล่านี้ โปแลนด์ต้องการที่จะมีบทบาทสำคัญเพื่อก้าวไปข้างหน้า สร้างสิทธิเสรีภาพ สันติภาพที่เข้มแข็ง ขณะที่ฝ่ายขวากลับมองเรื่องดังกล่าวเป็นภาระของชาติ พวกเขาไม่ต้องการผู้อพยพ ไม่ต้องการคนรักร่วมเพศ
โธมัส เกียมซา (Maciej Musialowski) นักศึกษากฎหมายถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยในข้อหาลอกวิทยานิพนธ์ เขาต้องการไต่เต้าตัวเองจากชนชั้นล่างที่ได้รับการอุปการะจากครอบครัวชนชั้นกลางระดับสูง และหลงรักกาบี้ ที่มีแม่เป็นคิวเรเตอร์งานศิลปะ และพ่อของเธอที่มีอิทธิพลทางด้านการเมือง โธมัสไม่ได้รับการยอมรับจากพวกเขา และยังดูถูกเหยียดหยาม เขาถูกกันออกมาจากกาบี้ ขณะเดียวกันเขาก็ดิ้นรนจนได้ทำงานเอเยนต์ซีโฆษณา หรือบริษัทสร้างภาพลักษณ์ให้กับบุคคลสำคัญ งานแรกของเขาที่ได้รับคือ ทำลายภาพลักษณ์เน็ตไอดอลคู่แข่ง เขาหาทางกำจัดคู่แข่งของลูกค้าได้อย่างทันใจ จนถูกเลือกให้ทำงานที่ใหญ่ขึ้นคือทำลายภาพลักษณ์ของพาเวล นักการเมืองเสรีนิยมฝ่ายซ้ายที่เป็นเกย์ พาเวลกำลังไปได้ดีกับนโยบายเปิดเสรีภาพของเขา ด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคือดเปลี่ยนแปลงสังคมโปแลนด์ให้ก้าวหน้าขึ้นกว่าอดีต
พาเวลมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวกาบี้ นั่นทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับปมปัญหาระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน การทำลายพาเวลก็เท่ากับทำลายครอบครัวของคนรักในคราวเดียวกัน หนังนำเสนอให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์สองหน้าของโธมัส และเขาก็เล่นบทนี้ได้อย่างเข้าถึง ไร้ความปราณี เต็มไปด้วยรอยแค้น เกรี้ยวกราด ไม่เคยลังเลที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองคิด เขาไม่ใช่คนที่จะมองหาความสำเร็จ โดยไม่สูญเสียสิ่งใด และเขามองว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นดีที่สุดสำหรับเขา
โธมัสแม้จะมีความอ่อนไหว แต่เขากลับเข้มแข็ง เขารู้ว่าเขาจะไม่ได้อะไรเลยถ้ายังเป็นเด็กอ่อนที่ถูกโขกสับจากคนอื่น หรือคนที่เหนือกว่า เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าสังคมนั้นจ้องทำลายกันและกันมากกว่าที่จะช่วยเหลือกัน ถ้าเขาไม่แลกด้วยความเกลียดชัง ความรุนแรง เขาก็เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ ที่นั่งมองอดีตที่ไม่ยอมไขว่คว้าแม้แต่เป้าหมายของชีวิต นั่นทำให้เขาทำทุกอย่างเพื่อบรรลุถึงเป้าหมาย แม้เป้าหมายนั้นคือการทำลายล้างในระดับย่อยยับ
The Hater ยังทำให้เราเข้าใจด้วยว่าฝ่ายขวานั้นทำงานอย่างไร และพวกเขาคิดอย่างไรถึงกุมอำนาจของสังคมได้จำนวนมหาศาล ดังนั้นการสร้างความเกลียดชัง การทำลายภาพลักษณ์ฝั่งตรงข้าม การนำเสนอชีวิตส่วนตัวที่สังคมไม่ยอมรับ รวมถึงการใช้ความรุนแรงเพื่อก้าวไปถึงจุดหมาย ขณะเดียวกันก็เคลมความสำเร็จได้จากทุกๆ สถานการณ์ แม้ว่าสถานการณ์นั่นจะเลวร้ายเพียงใด
ขณะที่ผู้เขียนดู The Hater สิ่งที่คิดในใจตลอดเวลาก็คือ เราเป็นเพียงผู้ชม ที่ไม่สามารถเอาใจไปช่วยตัวเอกอย่างโธมัสได้เลย นี่คือความร้ายกาจในระดับที่ว่าโธมัสปฎิเสธความเห็นอกเห็นใจของสาธารณชน เขาไม่แคร์แม้แต่น้อยที่จะทำให้คนทั่วไปรัก สิ่งที่เขาต้องการอย่างเดียวคือ “เป้าหมาย” ความรักของกาบี้ กับอำนาจที่เป็นผลพวงจากความรุนแรงที่เขาก่อขึ้นอย่างน่าสะพรึง
Spoiled
ใน The Hater ตอนจบ หนังอิงเรื่องจริงเกี่ยวกับตัว พาเวล ที่เป็นนักการเมืองของโปแลนด์ Paweł Adamowicz นายกเทศมนตรีพรรคเสรีนิยมของเมือง Gdańsk ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของโปแลนด์ถูกสังหารบนเวที ในงาน Great Orchestra of Christmas Charity ที่ Gdańsk University ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมาก มือสังหารขึ้นไปบนเวทีและแทง Paweł Adamowicz ถึงสามครั้ง หลังจากนั้นจึงพูดว่า
“Halo! Halo! My name is Stefan Wilmont. I had been in prison innocently. I had been in prison innocently. Civic Platform was torturing me. That’s why Adamowicz was killed”
Paweł Adamowicz ล้มลงบนเวที เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้น
ใน The Hater นั้นทำให้น่าสะพรึงกว่านั้น ด้วยการกราดยิงทีละศพ เสียงปืนที่ก้องในหอประชุมทำออกมาได้อย่างขนลุก
มันทำให้ผู้เขียนนึกถึงจ่าสิบเอกจักรพันธุ์ ถมมา นายทหารชั้นประทวนที่กราดยิงประชาชนบริสุทธ์ที่โคราช เริ่มจากสังหารผู้บังคับบัญชาการที่เป็นเหมือนต้นเหตุในการโกงเงินค่านายหน้าบ้านจัดสรร จากนั้นก็เริ่มต้นสังหารผู้คนไปตามทางที่หนีจนไปปักหลักที่ห้าเทอร์มินอล 21 เราไม่สามรถเห็นอกเห็นใจจ่าได้มากเท่าที่ควร เพราะมันคือความรุนแรงที่ไม่สามารถยอมรับได้ ขณะเดียวกันสิ่งที่ก่อร่างสร้างจ่าขึ้นมาก็คือกระบวนการทางสังคมที่เลวร้าย การบีบให้คนต้องกลายเป็นอาชญากร การบังคับให้คนกลายเป็นโจร ชนชั้นนำด้านบนเหล่านั้นกลับเสวยสุขอยู่บนสังคมนี้ได้อย่างน่าชื่นตาบาน ไม่ว่าจะเป็นระบบของกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นสังคม การเมือง สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมขึ้นมา
The Hater เป็นหนังที่ทำให้ผู้คนตระหนักถึงโลกยุคใหม่ที่การทำลายล้างเกิดขึ้นเบื้องหน้าในโลกอินเทอร์เน็ต และจบลงด้วยการทำลายล้าง เราจะเห็นได้ว่าโลกที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง การฉุดให้อยู่กับที่นั้นสร้างความรุนแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขณะเดียวกันเราตระหนักได้ว่าเลือดที่นองพื้นเวทีในหนังนั้นไม่ต่างอะไรจากบทจบของละครเช็คสเปียร์เลยสักนิด ผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็ยังอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข เราก็เพียงแต่มองดูด้วยความรู้สึกเกลียดชังสังคมของเราที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ได้
หมายเหตุ: หนังเรื่อง The Hater เข้าโรงฉายรอบพรีเมียร์ที่โปแลนด์ในวันที่ 19 มีนาคม 2020 ไม่กี่วันหลังจากนั้นโรค ระบาด Covid-19 ทำให้โรงหนังในโปแลนด์และทั่วยุโรปถูกสั่งปิด หนังจึงเข้าฉายในสตรีมมิ่งทีวี Netflix ในวันที่ 29 กรกฏาคม 2020