มหกรรมหนังสือ ได้กลับมาจัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อีกครั้ง และครั้งนี้น่าตื่นเต้นไม่น้อย เนื่องจากเป็นงานหนังสือแรกที่กลับมาเปิดที่ศูนย์สิริกิต์ หลังจากปิดเพื่อสร้างศูนย์ประชุมที่ทันสมัยและใหญ่กว่าเดิม โดยครั้งนี้งานจะมีตั้งแต่วันที่ 12-23 ตุลาคม 2565 เปิดตั้งแต่ สิบโมงเช้าถึงสามทุ่ม ที่ Exhibition Hall 5-7 ชั้น LG และเป็นธรรมเนียมของเราที่จะต้องแนะนำ หนังสือน่าอ่าน ใน งานหนังสือ เรามาตามดูกันว่าในงานหนังสือครั้งนี้จะมี หนังสือน่าอ่าน เล่มใดบ้างที่ไม่ควรพลาด พร้อมชี้เป้าว่าหนังสือเหล่านี้อยู่ที่บู๊ธใด
Table of Contents
1. แฮมเล็ต : Hamlet เขียนโดย วิลเลียม เชคสเปียร์ แปลโดย ศวา เวฬุวิวัฒนา
สำนักพิมพ์: เม่นวรรณกรรม
ราคาปก: 310 บาท
แฮมเล็ต เป็นหนังสือ แนวโศกนาฏกรรมแก้แค้น ของวิลเลียม เชคสเปียร์ ที่กลายมาเป็นบทละครที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสำหรับผู้ชม และผู้อ่าน ในโลกวรรณกรรม แฮมเล็ตได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมที่ไม่เคยตกยุค เป็นต้นกำเนิดนวนิยายแนวกระแสสำนึก เป็นหนังสือในลิสต์ 100 เล่มที่ควรอ่านก่อนตาย และยังอยู่ในลำดับต้นๆ ที่นักอ่านต้องผ่านไปให้ได้ แฮมเล็ตได้รับการดัดแปลงเป็นการ์ตูนดิสนีส์เรื่องดัง The Lion King นั่นรวมไปถึงผู้กำกับภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่น อาคิระ คุโรซาวะ ใน Bad Sleep Well และภาพยนตร์ดัดแปลงในยุคมิเลเนียมเรื่อง Hamlet ที่นำแสดงนำโดยอีธาน ฮอร์ก นี่คือหนังสือที่กลายเป็นต้นกำเนิดของนวนิยาย และงานศิลปะ ที่ไม่ควรพลาด
มีจำหน่ายที่บู๊ธ มติชน I48, เป็ดเต่าควาย G37, คมบาง M25, สมมติ G34, บทขจร N36, Paperyard F25, ก็องดิด D01, สิบมิลลิเมตร F21, กำมะหยี่ N39
หลังงานหนังสือสั่งซื้อได้ที่ Shopee | Lazada | Porcupine Books
2. สักวันเราจะเล่าทุกอย่างสู่กันฟัง เขียนโดย ดานีเอลา ครีน แปลโดย ปิยะกัลย์ สินประเสริฐ
สำนักพิมพ์: Library House
ราคาปก: 300 บาท
ฤดูร้อนปี 1990 หลังกำแพงเบอร์ลินได้พังทลายลง และเยอรมนีกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการรวมชาติ มาเรียวัยสิบหกปีย้ายมาอยู่กับคนรักในฟาร์มของครอบครัว ซึ่งเป็นชนบทอันเงียบสงบที่ห่างไกลจากความวุ่นวายทางการเมือง มาเรียช่างฝันและขี้เล่น ขณะที่โลกของเธอถูกตัดขาดจากธรรมชาติรอบตัว การเผชิญหน้ากับชายชราผู้ลึกลับโดยบังเอิญได้จุดประกายความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เฮนเนอร์เป็นคนที่คาดเดาไม่ได้ แต่มาเรียดึงดูดเขาด้วยความโหยหาที่เธอไม่สามารถเข้าใจได้ ในขณะที่ฤดูร้อนที่อบอ้าวกำลังดำเนินไป การรักษาความลับของพวกเขาได้กลายเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ
มีจำหน่ายที่ บู๊ธ เคล็ดไทย K07, เจลิต
หลังงานหนังสือสั่งซื้อได้ที่ Readery
3. ทุนนิยมเจ้า เขียนโดย ปวงชน อุนจะนำ
สำนักพิมพ์: ฟ้าเดียวกัน
ราคาปก: 600-700 บาท (ปกอ่อนขปกแข็ง)
จากคำนำผู้เขียน : ผู้เขียนเคยเชื่อมาตลอดว่า หนังสือเล่มนี้คงจะเหมาะมากกว่าที่จะปรากฏอยู่ในรูปแบบต้นฉบับที่ถูกประพันธ์ด้วยภาษาอังกฤษ และมันคงเป็นการยากที่จะถูกแปลเป็นภาษาไทย จากที่ได้สังเกตการณ์ดูความเป็นไปในราชอาณาจักรไทย ผู้เขียนตระหนักดีว่า ไม่เพียงแต่งานศึกษาสถาบันกษัตริย์ในเชิงวิพากษ์จะหาได้ยากยิ่ง หากแต่มันยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหานานัปการ ไม่ว่าจะเป็นการถูกเพ่งเล็ง ยึด และดำเนินคดีโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด โจมตี และด้อยค่าโดยนักวิชาการสายนิยมเจ้า หรือกระทั่งการเซ็นเซอร์ตัวเองของนักเขียนจำนวนไม่น้อยที่อยากนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ที่ต่างไปจากสิ่งที่รัฐ วัง สื่อมวลชน และสถานศึกษาทำการโฆษณาชวนเชื่อมาโดยตลอด แต่ไม่กล้านำเสนอสิ่งที่ตนเองคิดออกมาตรงๆ เนื่องจากหวาดกลัวการถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อ Royal Capitalism ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในรูปแบบปกแข็งที่สหรัฐอเมริกาในช่วงต้น ค.ศ. 2020 โดยสำนักพิมพ์ของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน และได้รับการวางจำหน่ายในระดับนานาชาติในเวลาไล่เลี่ยกัน ผู้เขียนจึงนึกอยู่ในใจว่า จากนี้ไปหนังสือที่ผู้เขียนประพันธ์ขึ้นมาเองกับมือเล่มนี้คงจะมีชีวิตและอิสระเป็นของตนเองที่นอกเหนือไปจากการควบคุมของผู้เขียน
มีจำหน่ายที่ บู๊ธ ฟ้าเดียวกัน D21, เคล็ดไทย K07
หลังงานหนังสือสั่งซื้อได้ที่ Readery
4. เราผู้ไม่อาจหยุดยั้ง เขียนโดย ยูวัล โนอาห์ แฮรารี แปลโดย ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์
สำนักพิมพ์: ยิปซี
ราคาปก: 365 บาท
ความกลัว ‘สิ่งลึกลับในความมืด’ เป็นกลไกเอาตัวรอดของมนุษย์ยุคโบราณ
คุณเคยเอาผ้าห่มคลุมเท้าเพราะกลัวพลังงานลึกลับบางอย่างจะมาดึงขาตอนนอนไหม? ทุกคนย่อมเคยเดินหนีจากสถานที่มืดๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลายคนเคยฝันร้ายจนตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ กลางดึก หรือแม้แต่จินตนาการว่ามีอะไรบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เหมือนเขาจ้องจะเล่นงานคุณอยู่!
ความกลัวสิ่งลึกลับ ‘จ้องจะเล่นงานคุณ’ เป็นกลไกเอาตัวรอดของมนุษย์ ต่อให้คุณยังมีความกลัวเหล่านี้อยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด เพราะสมองของมนุษย์ยังคงทำงานเหมือนเรายังใช้ชีวิตในยุคหินอยู่ และความกลัวเหล่านี้ก็ช่วยให้มนุษย์พ้นภัยมาได้ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์
ย้อนกลับไปหลายหมื่นหรือแสนปีก่อน มนุษย์ดึกดำบรรพ์ยังอยู่ในชั้นล่างๆ ของห่วงโซ่อาหาร พวกเรายังอาศัยตามถ้ำหรือบนต้นไม้เพื่อหลบหลีกสัตว์นักล่าที่เคยเพ่นพ่านอยู่มากมายไม่ว่าจะเสือ สิงโต ไฮยีนาถ้ำ หมี หมาป่า หรือจระเข้ ที่ล้วนแต่รอคอยจังหวะเพื่อลิ้มรสเนื้อมนุษย์ นั่นทำให้เราต้องสอดส่องหาภัยอันตรายตลอดเวลา
ตั้งแต่มนุษย์ถือกำเนิดมา พวกเราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในป่าดงพงไพร อารยธรรมมนุษย์เป็นเพียงเสี้ยวเวลาหนึ่งเท่านั้นในห้วงเวลาหลายล้านปีของเรา ดังนั้น ‘ความกลัวความมืด’ ยังคงอยู่กับมนุษย์ไปอีกนาน ตราบใดที่มนุษย์ยังคงรังสรรค์เรื่องราวใหม่ๆ ให้กับความมืดได้
มีจำหน่ายที่บู๊ธ ยิปซีิ F16
หลังงานหนังสือสั่งซื้อได้ที่ Readery
5. 2444 เขียนโดย มาโนช พรหมสิงห์
สำนักพิมพ์: สมมติ
ราคาปก: 200 บาท
2444 ผลงานล่าสุด ของ มาโนช พรหมสิงห์ นักเขียนคนสำคัญในวงวรรณกรรมไทย รวมเรื่องสั้นว่าด้วยโศกนาฏกรรมแห่งรัฐ จากผู้มีบุญ ถึงราษฎรผู้ต่อต้านเผด็จการ ชะตากรรมของตัวละครในเรื่องสั้นของ ‘มาโนช พรหมสิงห์’ ต่างถูกกระทำโดยอำนาจที่กดทับหลายระดับ รัฐท้องถิ่นถูกกดด้วยรัฐส่วนกลาง ราษฎรถูกกดด้วยราชการ คนแปลกแยกถูกกดด้วยอำนาจของพวกมากลากไป ผู้หญิงถูกอำนาจปิตาธิปไตยกดข่มไว้ทุกระดับถูกกดไว้จนแทบไม่เหลือที่ให้คิดฝัน ขณะที่ตัวละครช่างคิดช่างฝันก็ถูกอุดมคติของตนนั่นแหละเล่นงานเสียเอง คือใต้ฟ้านี้ บนแผ่นดินที่ปกครองด้วยอำนาจแบบนี้ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดฝัน ไม่เช่นนั้น ก็ไม่ต้องมีลมหายใจ กล่าวได้ว่า “เราต่างเป็นเหยื่อของความชั่วร้าย และกำลังสอดส่ายตามองหาเหยื่อในหมู่เหยื่อด้วยกัน เรากำลังกัดกินกันอย่างบ้าคลั่ง ในยุคสมัยที่ไม่มีความสวยงามหรือสิ่งอันทรงคุณค่าใดเลย แม้แต่…ความเป็นมนุษย์ในหัวใจเราเอง”
มีจำหน่ายที่บู๊ธ สมมติ G34
หลังงานหนังสือสั่งซื้อได้ที่
6. เทพปกรณัมนอร์ส เขียนโดย นีล เกแมน แปลโดย วรรธนา วงษ์ฉัตร
สำนักพิมพ์: Words Wonder
ราคาปก: 295 บาท
เรื่องราวของเหล่าเทพเจ้านอร์ส เขียนโดย นีล เกแมน สุดยอดนักเล่าเรื่องแห่งยุค โดยนำเทพปกรณัมนอร์ส มาเล่าใหม่ในรูปแบบของเขาเอง ตั้งแต่จุดกำเนิดของโลกทั้งเก้า จุดเริ่มต้นของเหล่าเทพ รวมถึงเรื่องของยักษ์ คนแคระ และมนุษย์
เรื่องของโอดิน เทพสูงสุดและอาวุโสสุดในเหล่าทวยเทพทั้งหมด บิดาแห่งแอสการ์ด
เรื่องของธอร์ บุตรของโอดิน เทพแห่งสายฟ้าผู้เข้มแข็งที่สุดในเหล่าเทพเจ้า เจ้าของค้อนมยอลเนียร์
เรื่องของโลกิ ผู้เจ้าเล่ห์ที่สุด ฉลาดหลักแหลมที่สุดในแอสการ์ด และยังมีความโกรธแค้นริษยามากที่สุด
ท้ายที่สุดคือเรื่องของแร็กนาร็อค ชะตากรรมสุดท้ายของเหล่าเทพเจ้า
มีจำหน่ายที่ บู๊ธ Words Wonder M31
หลังงานหนังสือสั่งซื้อได้ที่ Readery
7. สืบพยาบาทปีศาจโบกีวัง เขียนโดย ซาวามูระ อิจิ แปลโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
สำนักพิมพ์: Biblio
ราคาปก: 369 บาท
โบกีวัง คือปีศาจลึกลับในตำนานเล่าขานที่เข้ามาหลอกหลอนครอบครัวหนึ่งโดยไม่รู้สาเหตุแน่ชัด ทาฮาระ ฮิเดกิ พ่อและสามีที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว โบกีวังเริ่มรังควาญ จิสะ ลูกสาวของฮิเดกิและ คานะ ผู้เป็นแม่ จนครอบครัวเล็กๆ นี้ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งลี้ลับสุดอันตรายที่ไม่อาจมองเห็นหรืออธิบายได้ แม้ว่าในบ้านจะเต็มไปด้วยเครื่องรางปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายก็ตาม แต่ดูเหมือนอำนาจของปีศาจตนนี้จะแรงกล้าไปด้วยความพยาบาทที่ไม่อาจต้านทานได้
นี่คือผลงานเรื่องแรกของ ซาวามูระ อิจิ ที่ชนะเลิศรางวัล “นิยายสยองขวัญ ครั้งที่ 22” ของญี่ปุ่นในปี 2015 โดยร้านหนังสือคาโดคาวะ และ Fuji Television ด้วยสำนวนการเล่าเรื่องที่แยบยล และเรื่องราวชวนสยองลุ้นระทึกจนวางไม่ลง จนทำให้นิยายเรื่องนี้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์สุดฮิตของญี่ปุ่นอีกด้วย
มีจำหน่ายที่บู๊ธ Biblio J35
หลังงานหนังสือสั่งซื้อได้ที่ Readery
8. ราษฎรปฏิวัติ: ชีวิตและความฝันใฝ่ของคนรุ่นใหม่สมัยคณะราษฎร เขียนโดย ณัฐพล ใจจริง
สำนักพิมพ์: ศิลปวัฒนธรรม
ราคาปก: 480
“ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร…” ถ้อยคำที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญ “ราษฎร” ในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยหลังการปฏิวัติ 2475 อันเป็นสิ่งที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่เคยมีให้ได้ เหล่าราษฎรโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ยุคนั้นอยู่ในบรรยากาศแห่งเสรีภาพ นั่นทำให้พวกเขาและเธอมีจิตวิญญาณที่เสรี ตระหนักถึงความสำคัญต่อการมีอยู่ของประชาธิปไตย “ราษฎรปฏิวัติ: ชีวิตและความฝันใฝ่ของคนรุ่นใหม่สมัยคณะราษฎร” ผลงานของณัฐพล ใจจริง พาผู้อ่านย้อนอดีตไปหาคนรุ่นใหม่(ทางความคิด)ในยุคแรกสร้างประชาธิปไตยที่พวกเขาและเธอมีบทบาทส่งเสริมและปกป้องระบอบประชาธิปไตยอย่างแข็งขัน ผ่านการ พิทักษ์รัฐธรรมนูญ การอ่าน เขียน และเที่ยวในงานฉลองรัฐธรรมนูญ อันแฝงด้วยนัยสำคัญทางการเมือง เป็นบทบันทึกยุคสมัยคณะราษฎรในอีกรูปแบบที่จะทำให้หวนกลับมานึกถึงคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ด้วยความหวังว่าเรื่องราวของสามัญชนผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนามในหน้าประวัติศาสตร์จะได้รับการจดจำเช่นเดียวกับเรื่องราวของบุคคลสำคัญ
มีจำหน่ายที่ บู๊ธ มติชน I48
หลังงานหนังสือสั่งซื้อได้ที่ มติชนออนไลน์
9. ศรัทธาไม่เงียบ เขียนโดย เอ็นโด ซูซากุ แปลโดย วิลาส วศินสังวร
สำนักพิมพ์: Earnest
ราคาปก: 290 บาท
ศรัทธาไม่เงียบ เป็นนิยายที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริง และเป็นโปรเจ็คต์ในฝันของยอดผู้กำกับ มาร์ติน สกอร์เซซี่ มานานเป็นผลงานชิ้นสำคัญของ ชูซากุ เอ็นโดะ ว่าด้วยเรื่องราวของบาทหลวงชาวโปรตุเกสสองรูปที่เดินทางเข้าไปในญี่ปุ่นช่วงที่มีการกวาดล้างศาสนาคริสต์ การเดินทางนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่เพื่อหล่อเลี้ยงศรัทธาที่ยังดำรงอยู่ของชาวคริสต์ในผืนแผ่นดินญี่ปุ่น และตามหาบาทหลวงผู้ใหญ่นามเฟอร์เรร่า ซึ่งมีข่าวว่าละทิ้งศรัทธาไปแล้ว โรดริเกซจึงต้องลักลอบเข้าไปและแอบซ่อนตัว ทว่าโรดริเกซก็ต้องประสบกับชะตากรรมที่ถือเป็นบททดสอบต่อความเชื่อของเขา
มีจำหน่ายที่บู๊ธ กำมะหยี่ N39
หลังงานหนังสือ สั่งซื้อได้ที่ Readery
10. อายัดอำมหิต เขียนโดย บิลล์ บราวเดอร์ แปลโดย สฤณี อาชวนันทกุล
สำนักพิมพ์: Salt Publishing
ราคาปก: 450 บาท
เรื่องราวระทึกทุกบรรทัดของ บิลล์ บราวเดอร์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ จากนักลงทุนต่างชาติรายใหญที่สุดของรัสเซีย สู่สมญา ศัตรูหมายเลขหนึ่ง ของวลาดีมีร์ ปูติน
จุดเริ่มต้นคือเงินภาษี 230 ล้านดอลลาร์ที่ถูกยักยอกไป… บิลล์ บราวเดอร์กับทีมงานในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของเขาเริ่มศึกษาและติดตามว่าเงินก้อนนี้ถูกถ่ายเทออกไปตรงไหน และใครอยู่เบื้องหลัง
เมื่อสืบสาวไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเงินจำนวนนี้เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งในแผนการขโมยและฟอกเงินครั้งมโหฬารที่ทำอย่างเป็นระบบโดยคนใกล้ชิดผู้ครองอำนาจ เงินนับแสนล้านดอลลาร์สะพัดว่อนไปทั่วทั้งโลก ไม่ใช่แค่ในรัสเซีย ผ่านนอมินีและบริษัทกล่องมากมาย และใครก็ตามที่มาขวางทางจะต้องถูกจัดการ
ไม่ว่าจะด้วยกระบวนการภายในหรือภายนอกระบบยุติธรรมก็ตาม…
เซียร์เกย์ มักนิตสกี ทนายความของบราวเดอร์ เป็นเพียงหนึ่งในเหยื่อที่ถูกซ้อมจนเสียชีวิตในคุกมอสโก และผู้รักความยุติธรรมอีกหลายคนก็ยังถูกใส่ร้ายป้ายสีด้วยปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร วางยาพิษ หรือสังหารอย่างโหดเหี้ยม บราวเดอร์เองก็ถูกไล่ล่าทั้งในและนอกรัสเซีย
บราวเดอร์ปกป้องตัวเองและคนที่เขารักอย่างไร เขาตามหาความยุติธรรมให้ทนายความและเพื่อนรักผู้ล่วงลับอย่างไร — พบกับเรื่องราวอันเหลือเชื่อได้ในหนังสือเล่มนี้!
มีจำหน่ายที่บู๊ธ Salt Publishing E35
หลังงานหนังสือ สั่งซื้อได้ที่ Salt
11. ประวัติศาสตร์ยุโรปฉบับสุดสั้น เขียน John Hirst เขียน แปลโดย วริศา กิตติคุณเสรี
สำนักพิมพ์ : Paragraph Publishing
ราคาปก : 340 บาท
หากคุณชอบข้ามไปดูว่าตอนจบเป็นอย่างไร คุณจะสนุกกับหนังสือเล่มนี้ ตอนจบแต่ละบทเริ่มขึ้นไม่นานหลังจากจุดเริ่มต้น เป็นการบอกเล่าประวัติศาสตร์ของยุโรปหกครั้ง แต่ละครั้งเล่าต่างแง่มุม
อารยธรรมยุโรปมีความเฉพาะตัว เป็นอารยธรรมเพียงชุดเดียวที่ครอบทับไปทั่วโลก ผ่านการชนะสงครามและการตั้งถิ่นฐาน ผ่านอำนาจเศรษฐกิจ อำนาจทางความคิด และเพราะสามารถนำเสนอสิ่งที่ผู้คนในแห่งหนอื่นต้องการ
จุดเริ่มต้นของอารยธรรมยุโรปเกิดจากการผสมผสานขององค์ประกอบสามประการ คือ วัฒนธรรมกรีกและโรมันโบราณ คริสต์ศาสนา และวัฒนธรรมของชนนักรบเยอรมัน ผู้รุกรานจักรวรรดิโรมัน หนังสือเล่มนี้จะเน้นให้เห็นองค์ประกอบที่เป็นหัวใจสำคัญของอารยธรรมยุโรปและดูว่าองค์ประกอบเหล่านี้เปลี่ยนรูปโฉมไปเช่นไรบ้างในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งใหม่เกิดจากสิ่งเก่าอย่างไร และสิ่งเก่ายังคงดำรงอยู่และหวนคืนมาอย่างไร
“ผู้คนร้อยละ 85–95 ที่ทำหน้าที่เพาะปลูกพืชผลเป็นผู้เอื้อให้อารยธรรมเกิดขึ้นได้ หากชาวนาเพาะปลูกผลผลิตในปริมาณที่พอสำหรับบริโภคเองเท่านั้น โลกนี้ก็ไม่อาจมีเมืองใหญ่ๆ หรือขุนนาง นักบวชหรือกษัตริย์ หรือกองทัพ เพราะคนเหล่านี้ล้วนต้องพึ่งพิงคนกลุ่มอื่นในการเพาะปลูกพืชอาหารให้ตน ชาวนาคือผู้ที่ต้องผลิตอาหารให้คนกลุ่มอื่น ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม” บางส่วนจากบทที่ 8 ว่าด้วย “สามัญชน”
มีจำหน่ายที่บู๊ธ เคล็ดไทย K07
หลังงานหนังสือ สั่งซื้อได้ที่ สำนักพิมพ์พารากราฟ
12. Music to Cook By เขียนโดย โตมร ศุขปรีชา
สำนักพิมพ์: Brown Books
ราคาปก: 260 บาท
หนังสือเล่มนี้เป็นความเรียงอบอุ่นของ โตมร ศุขปรีชา ว่าด้วยการทำอาหารผสานเสียงเพลง โดยผู้เขียนได้เลือกทำอาหารต่างๆ ในวันหยุดหรือวันว่าง แต่ไม่ได้ปล่อยให้ห้องครัวเงียบงัน ทว่าเลือกดนตรีต่างประเภทมาเปิดประกอบคลอไปกับการทำอาหาร ทำให้เกิดอรรถรสหรือการตีความอาหารและดนตรีที่เกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่ โดยมีรายละเอียดของอาหารและดนตรีแนบท้ายในแต่ละบทตอน
การทำอาหารโดยมีเสียงดนตรีคลอ และปล่อยให้การทำอาหารและเสียงดนตรีนั้นช่วยสอนผู้เขียนถึงการมีชีวิตอยู่ทั้งในและนอกครัว พร้อมถ่ายทอดมุมมอง ประสบการณ์ และคมคิดทางสังคมออกมาอย่างละมุนละไมแม้มีลักษณะเชิงวิพากษ์ ร่วมกับการนำประสบการณ์อาหารจากทั่วโลกมาประกอบสร้างขึ้นใหม่ในห้องครัวเล็กๆ ที่บ้านของผู้เขียนเอง
นอกจากข้อเขียนอันละมุนละไมแล้ว ยังมีการจัดทำ Playlist ของบทเพลงและเสียงดนตรีที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ เพื่อให้ผู้อ่านมีโอกาสเปิดฟังเสียงเพลงเหล่านั้น เพื่อจะได้เสพทั้งตัวอักษร จินตนาการ และเสียงดนตรีไปพร้อมกันด้วย
มีจำหน่ายที่บู๊ธ มติชน I48, Paperyard F25, กำมะหยี่ N39, Salt E35
หลังงานหนังสือ สั่งซื้อได้ที่ Brown Books
13. ไม่มีใครนำหน้าบนม้าหมุน เขียน โดยฮารูกิ มูราคามิ
สำนักพิมพ์: กำมะหยี่
ราคาปก: 250
8 เรื่องเล่า โดยนักเขียนชื่อเลื่องชาวญี่ปุ่น
ไม่ถึงกับเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่แก่นหลักของเรื่องเป็นเรื่องจริง
เรามีระบบวงทางโคจรที่เรียกว่าชีวิตของเรา ที่เราจะสามารถสอดตัวเข้าไปอยู่ได้พอดี แต่ระบบที่ว่านี้ก็บังคับควบคุมตัวเราเองด้วยในเวลาเดียวกัน ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับม้าหมุน เพียงหมุนไปในที่ที่ถูกกำหนดด้วยความเร็วที่ถูกกำหนด ไปไหนก็ไม่ได้ ลงก็ไม่ได้ เปลี่ยนขี่ตัวใหม่ก็ไม่ได้ ไม่แซงหน้าใคร และไม่ถูกใครแซงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนพวกเราก็ยังคงอยู่บนม้าหมุนนั้น ควบตะบึงขับเคี่ยวคู่แข่งในจินตนาการอย่างดุเดือดสูสี -ไม่มีใครนำหน้าบนม้าหมุน
เรื่องราวที่รวบรวมมาไว้ที่นี่ โดยรวมแล้วเป็นไปตามข้อเท็จจริง ผมฟังหลากหลายเรื่องราวจากผู้คนมากมาย แล้วเปลี่ยนให้เป็นเรื่องเล่า แน่นอนว่าปรับแต่งรายละเอียดไปหลายอย่างเพื่อไม่ให้เดือดร้อนถึงเจ้าของเรื่อง —ฮารูกิ มูราคามิ
มีจำหน่ายที่บู๊ธ กำมะหยี่ N39
หลังงานหนังสือ สั่งซื้อได้ที่ กำมะหยี่สโตร์
14. ฝนโปรยปรายใต้มงกุฎ เขียนโดย สันติสุข กาญจนประกร
สำนักพิมพ์ : Flavorful publishing
ราคาปก : 355 บาท
สิบเรื่องสั้นนักเขียนรุ่นใหม่ ที่ทำงานอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องสั้น และนวนิยาย “ฝนโปรยปรายใต้มงกุฎ” เป็นปรากฏการณ์ทางวรรณกรรมไทยเล่มหนึ่งที่ทำให้เห็นโครงสร้างทางสังคม ผ่านผู้คน และตัวละครที่ผุพังจากช่วงยุคการเมืองสับสนวุ่นวาย เสื้อเหลือง เสื้อแดง และรัฐที่อยู่ภายใต้คณะรัฐประหารอย่างต่อเนื่องยาวนาน
ขณะเดียวกันก็เล่าเรื่องผ่านกระแสสำนึกที่เต็มไปด้วยภาวะทางจิต สันติสุขทำให้ตัวละครของเขาเข้าใกล้ความเป็นบ้า ที่ยังคอนโทรลบางอย่างได้ เช่นความรับผิดชอบต่อความผิดบาป รวมไปถึงการแก้แค้นที่เจ็บปวดผ่านการทำลายตัวเองอย่างแสบสันต์
แม้จะไม่ใช่เรื่องสั้นที่พยายามเสียดเย้ย หรือเสียดสีสังคมแบบสุดโต่ง แต่รวมเรื่องสั้นชุดนี้หลายเรื่องก็พยายามทำให้ผู้อ่านรู้สึกถึงสังคมที่เต็มไปด้วยความจอมปลอม โลกที่บิดเบี้ยว ส่วนที่เหลือเป็นเพียงซากปรักหักพังของการแตกสลายทางสังคมที่เกินเยียวยา
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่เราขอแนะนำว่าหยิบติดกระเป๋าผ้ากลับมานั่งอ่านบนรถไฟฟ้าใต้ดินท่ามกลางฝนที่โปรยปรายใต้มงกุฎ
มีจำหน่ายที่บู๊ธ เป็ดเต่าควาย G37, คมบาง M25, สมมติ G34