Julian Cannonball Adderley – แคนนอนบอล แอดเดอร์ลีย์เป็นคนแจ๊สผู้เปี่ยมล้นด้วยพรสวรรค์ อัลโตแซกโซโฟนคู่ใจของเขามีท่วงทำนองอบอุ่น เปิดเผย ไม่ออดอ้อนจนเกินงาม แต่แฝงเร้นด้วยท่าทีที่สงบไม่เกรี้ยวกราด เขาเป็นหนึ่งในนักดนตรีแจ๊สชาวอเมริกันที่โด่งดังที่สุดในยุค 1950 และ 60 เป็นนักดนตรีที่รุ่งเรืองในยุค Be Bop แต่ใช้ความรู้สึกไพเราะของดนตรีแจ๊สแบบดั้งเดิมด้วย แอดเดอร์ลีย์เป็นนักดนตรีที่เล่นดนตรีได้หลากหลายและเป็นที่รู้จักดีจากผลงานอัลโตแซกโซโฟนและการบันทึกเสียงร่วมกับไมลส์ เดวิสและงานควอตเต็ตของเขาเอง
แอดเดอร์ลีย์มีนามเต็มว่า Julian Edwin “Cannonball” Adderley เกิดวันที่ 15 กันยายน 1928 จากแทมป้า, ฟลอริดา และมาเติบโตที่นิวยอร์ก แคนนอนบอลเริ่มเรียนดนตรีในชั้นมัธยมที่ Dillard High School ใน Fort Lauderdale, ฟลอริดา ช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัยฟลอริดาเอแอนด์เอ็ม แคนนอนบอลและแนท สองพี่น้องจึงได้ร่วมงานกับเรย์ ชาร์ล ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาเข้าสู่มหานครนิวยอร์ก ที่นิวยอร์กแอดเดอร์ลีย์ได้ไปเยือนที่ Cafe Bohemia ซึ่งคืนนั้น วงของ Oscar Pettiford แสดงอยู่ที่นั่น ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจมากมาย
ในเวลาต่อมาแคนนอนบอลจึงได้ร่วมวงกับไมลส์ เดวิส เซ็กเต็ต ระหว่างเดือนตุลาคม ๑๙๕๗ และสามเดือนต่อมาจอห์น โคลเทรนก็เข้าสู่วงของไมลส์ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจึงเกิดอัลบัมสำคัญอันเป็นตำนานวงการเพลงแจ๊สที่คนแจ๊สไม่สามารถข้ามพ้นไปได้คืออัลบัมชุด Kind of Blue ของไมลส์ เดวิส
แอดเดอร์ลีย์ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวตายตัวแทนของ Charlie Parker แม้ว่าการใช้ท่วงทำนอง จังหวะและบลูส์แบบดั้งเดิมของ Benny Carter จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับดนตรีอย่างเขาด้วย แม้ว่าดนตรีของแอดเดอร์ลีย์จะไม่ถือว่าแหวกแนวเป็นพิเศษ แต่ เขาเป็นนักดนตรีที่มีพรสวรรค์อย่างมากในทางเทคนิค ซึ่งเป็นที่รู้จักจากสไตล์ด้นสดที่โดดเด่นด้วยแนวเพลงที่รุกเร้า เน้นบลูส์ฮาร์โมนีที่เฉียบขาด และน้ำเสียงที่เต็มอิ่ม ในขณะที่ดนตรีแจ๊สเริ่มมีความคลุมเครือและซับซ้อนมากขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 แนวทางที่ตรงไปตรงมาของ แอดเดอร์ลีย์ช่วยให้ดนตรีแจ๊สเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ฟัง สำหรับแอดเดอร์ลีย์ “ดนตรีที่มีความสุข และไม่มีอะไรแย่ไปกว่านั้น”
Somethin’ Else ( Cannonball Adderley album )
Musicians
- Cannonball Adderley – alto saxophone
- Miles Davis – trumpet
- Hank Jones – piano
- Sam Jones – bass
- Art Blakey – drums
อัลบัมสำคัญที่สร้างชื่อให้กับแอดเดอร์ลีย์และถือเป็นงานมาสเตอร์พืชที่สมบูรณ์แบบที่สุดก็คือ Somethin’ Eles ที่อัดเสียงกันในปี 1958 สังกัดแผ่นเสียง Blue Note โดยมีไมลส์ เดวิส เล่นทรัมเป็ต แฮงค์ โจนส์ เล่นเปียโน แซม โจนส์ เล่นเบส อาร์ต บลาเคย์เล่นกลอง และแคนนอนบอลเล่นอัลโตแซก Somethin’ Eles กลายเป็นหมุดหมายใหม่
อัลบัม Somethin’ Else มีค่าเท่ากับทุกสิ่งที่ไมลส์เคยบันทึกแผ่นเสียงเอาไว้ อัลบัมนี้เปิดด้วยเพลง Autumn Leaves ไมลส์นำเสนอ เพลงด้วยความครุ่นคิดและเรียบง่ายที่สุด เป็นการบันทึกเสียงที่ยอดเยี่ยม ทั้งคุณภาพการตีความดนตรีและการบันทึกเสียง อัลบัมนี้ได้กลายเป็นอัลบัมโปรดของใครหลายคนรวมถึงผู้เขียน ลองหลับตาและพยายามนึกถึงแอดเดอร์ลีย์ ที่ค่อยๆ ละลายเป็นสีน้ำเงินอ่อนๆ แอดเดอร์ลีย์ตอบสนองความท้าทายด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา เพลง Autumn Leaves สแตนดาร์ดแจ๊สที่นิยมนำมาขับกล่อม ได้ถูกเล่นอย่างมีรสนิยม มันกลายเป็นเพลงอมตะของแอดเดอร์ลีย์อย่างมิต้องสงสัย
ติดตามมาด้วยเพลงอย่าง Love for Sale เป็นอีกรูปแบบใหม่ในมาตรฐานเดิมเท่าที่เคยมี มีความเป็นไมลส์ที่เงียบกว่า มันเริ่มต้นอย่างช้าๆ และสวยงาม จากนั้นเปลี่ยนเป็นเดือดปุดๆ —เจ็ดนาทีของการด้นสดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนักดนตรีอย่างเต็มกำลัง
Somethin’ Else เป็นการจุดไฟที่โหมแรง ไมลส์และแอดเดอร์ลีย์ต่างสัมพันธ์กันอย่างตรงไปตรงมา โดยแลกเปลี่ยนข้อความโต้ตอบ เป็นการตอบโต้กลับราวกับเป็นฝาแฝดสองคน มันได้รับการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าหรือไม่ มันถูกสร้างขึ้นมาตรงจุดไหนกันแน่ ไม่เป็นไร มันเหมือนกับว่าคนหนึ่งกำลังขาทั้งสองของตนเอง นี่คือดนตรีแจ๊ส เหมือนเครื่องบินที่บินได้สูงยิ่งกว่า
จากนั้นเพลงสลับมาเล่นช้าลง เปลี่ยนแปลงอารมรณ์ด้วย One for Daddy-O เพลงนี้เป็นเพลงต้นฉบับของ Nat Adderley ที่มีควันและดำมืดที่คุกรุ่นอยู่ในบรรยากาศทั้งหมด
ในที่สุด แผ่นเสียงชุดนี้ก็จบลงด้วยเพลงบัลลาดมาตรฐาน Dancing in the Dark โดยที่แอดเดอร์ลีย์เล่นตามแบบ Charlie Parker กลับชาติมาเกิด—หวานกว่า แต่บางด้านมีเงานของ Ben Webster แฝงอยู่ด้วยท่วงท่าลึกลับ ฉงน ตั้งคำถาม และเต็มไปด้วยดนตรีที่เจ็บปวดลึกในดวงใจ
Cannonball Adderley Quintet in Chicago
Cannonball Adderley Quintet in Chicago นั้นอัดแผ่นกันในปี 1959 หลังจากอัดแผ่น Kind of Blue ได้หนึ่งเดือน อัลบัมนี้แคนนอนบอลอัดแผ่นกับ Mercury (ซึ่งเป็นแผ่นเดียวที่แอดเดอร์ลีย์ออกกับสังกัดแผ่นเสียงเมอร์คิวรี)
โดยมีนักดนตรีในเซสชันนี้ดังนี้
- Cannonball Adderley – alto saxophone
- John Coltrane – tenor saxophone
- Wynton Kelly – piano
- Paul Chambers – bass
- Jimmy Cobb – drums
เซสชันเป็นการเล่นที่ตรงไปข้างหน้าแบบคลาสสิก การไม่มีไมลส์ เดวิสในบางอัลบัมก็อาจเป็นข้อดีบางประการ อัลโตแซกอันรุ่งโรจน์ของแอดเดอร์ลีย์ มาเล่นกับ John Coltrane ทั้งคู่ต่างได้รับความนิยมสูงในนิวยอร์ก
อัลโตของแอดเดอร์ลีย์พริ้วไหวราวปีกนก เขาพุ่งทะยาน โฉบเฉี่ยว สร้างความตื่นเต้นที่เบิกบานใจ มันเหมือนพาเราไปนั่งรถไฟเหาะตีลังกา หากเรานั่งบนเก้าอี้นวม เราควรโบกมือขึ้นไปในอากาศ ไม่น่าแปลกใจที่แอดเดอร์ลีย์เป็นนักอัลโตที่หลายคนชื่นชอบ แม้ว่าเราจะมีนักดนตรีที่ชื่นชอบในใจมากแค่ไหน ในขณะที่โคลเทรนนั้นเป็นดังคู่ตรงข้ามที่ทัดเทียมกัน เพื่อให้เข้าจังหวะเมื่อแอดเดอร์ลีย์เร่งรัวจังหวะ ลูกล่อลูกชนของคนทั้งสองของคนทั้งสองช่างตัดกัน โคลเทรนและแอดเดอร์ลีย์ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวทั้งหวานและเปรี้ยว คุณจะต้องรักอัลบัมนี้ มันเป็นอัลบัมหนึ่งที่สำคัญ มันเป็นวิวัฒนาการของดนตรีแจ๊สสมัยใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
เพลงเปิดอัลบัมเริ่มต้นด้วยท่วงทำนองบลูใน Limehouse Blues ท่วงทำนองบลูแบบสนุกๆ ลีลาชวนให้โยกส่ายหัวไหล่เบาๆ และขยับเท้าเข้าจังหวะ ต่อด้วย Stars Fell on Alabama ท่วงทำนองเพลงสแตนดาร์ดเก่า เศร้าซึ้ง เสียงอัลโตที่สุขุมนุ่มกังวาน สอดประสานกับเสียงเปียโนของเวนตัน เคลลีย์ และการเดินเบสอันลึกซึ้งงของ พอล แชมเบอร์ส Stars Fell on Alabama นั้นเป็นเพลงที่ไพเราะอย่างยิ่ง ผมฟังกี่รอบก็ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย จากนั้นวงก็เร่งจังหวะเร็วขึ้นกับเพลง Wabash
หน้าสองของแผ่นเสียงเริ่มด้วยผลงานการแต่งของ JC- John Coltrane ในเพลง Grand Central ลีลาเพลงอเหมือนต่อเนื่องมาจากการย่ำเดินด้วยความเร็วใน Central Park การสอดประสานระหว่างแซกโซโฟนทำได้อย่างยอดเยี่ยม
ปิดท้ายแผ่นเสียงด้วยเพลง The Sleeper ผลงานการประพันะ์ของ JC อีกครั้ง เป้นการอกย้ำว่า JC นั้นฉายแววการเป็นคนแจ๊สที่สมบูรณ์แบบ ทั้งการประพันธ์ การตีความเพลง ฝีมือแห่งแซกโซโฟน ขณะเดียวกันแอดเดอร์ลีย์ก็เป็นคนแจ๊สที่มีความทะเยอทะยานหลากหลาย เขาปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ปรารถนาที่จะเล่นดนตรีให้อยู่ในระดับมาตรฐาน แม้การต่อสู้ในธุรกิจดนตรีในยุคต่อมาจะโหดร้ายยิ่งกว่าสิ่งใดก็ตาม
Cannonball Adderley Quintet in Chicago เป็นอีกอัลบัมที่คนฟังแจ๊สไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะในยุคที่ Be Bop ก้าวมาสู่จุดสูงสุด
ถ้าคุณสนใจดนตรีแจ๊ส Jazz Murakami แนะนำดนตรีแจ๊ส จากงานเขียนของ ฮารูกิ มูราคามิ
ตลอดอาชีพการทำงานที่ยาวนานและหลากหลายของแอดเดอร์ลีย์ ไมลส์ เดวิสเป็นพันธมิตรทางดนตรีที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงยากที่จะพูดว่าแคนอนบอล แอดเดอร์ลีย์ นั้นดีที่สุดตลอดกาล แต่จาก Somethin’ Else และ Kind of Blue คุณสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขายอดเยี่ยมแค่ไหน